อภิสิทธิ์ชนคนข่าว
ที่ชัดเจนอีกเรื่องหนึ่ง คือการรับเชิญไปดูงาน ทำข่าว หรือนัยแอบแฝงคือไปเที่ยว
โดยไม่ต้องจ่ายเงิน เหตุผลก็คือ การเป็นคนทำงานที่อาจให้คุณ ให้โทษกับใครก็ได้
หรือเชื่อว่ามีอิทธิฤทธิ์ อิทธิพล ต่อสังคม เหตุผลอื่นนอกจากนี้ไม่มี
ดังนั้น
นอกจากนักข่าวอาชีพ ที่ได้รับเชิญเป็นวิถีปกติแล้ว คนที่ไม่ได้เป็นนักข่าวโดยอาชีพ
หรือหลุดออกนอกวงโคจรข่าวไปแล้ว ก็ต่างปรารถนาจะไขว่คว้า เมื่อมีโอกาสมาถึง
ในขณะเดียวกันคนเชิญก็อยากได้นักข่าวไปประดับโปรแกรมให้ดูคึกคัก
แต่ก็ต้องเลือกสรรกันพอสมควร เพื่อให้ได้นักข่าวตัวจริง
เพื่อที่จะกลับมาเขียนถึงผู้สนับสนุนได้จริงจัง จำนวนฉบับที่เขียนถึงย่อมเป็นผลงานของฝ่ายประชาสัมพันธ์
หรือฝ่ายสื่อสารองค์กร ที่จะเอาไปเป็นหน้า เป็นตา เมื่อต้องรายงานเจ้านาย แต่..ในความสัมพันธ์ระหว่างคนข่าว
กับคนเชิญก็มีบางแง่มุมที่น่าประหลาดใจ
คนเชิญบางคน
เชิญนักข่าวผ่านสมาคมวิชาชีพ โดยไม่ได้เข้าใจว่าสมาคมวิชาชีพนั้น
เขามีไว้เพื่อให้คนอาชีพเดียวกันมารวมกัน ทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ร่วมกัน
ไม่ได้มีไว้เพื่อให้คำอนุญาตว่านักข่าวคนไหน ควรไป หรือไม่ควรไป เพราะคนที่มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการอนุมัติคือต้นสังกัดที่นักข่าวนั้นสังกัดอยู่
เรื่องทำนองนี้
ไม่ใช่ตึงไปจนขาด หรือหย่อนเกินไป ไปเที่ยว ไปทำข่าว คงพอรับได้ เพราะถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับแหล่งข่าวรูปแบบหนึ่ง
ส่วนเรื่องนักข่าวผี ก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องถามผู้เชิญ หรือผู้ถูกเชิญว่ามาจากเหตุผลความเกรงใจ
หรือเล่นกลกันอย่างไร จากคนที่ถูกมองข้ามไปจึงตีวงเข้าโค้งสุดท้ายกลับมาได้
ในหลักการมาตรฐานของการรับเชิญไปทำข่าวต่างประเทศขององค์กรสื่อ
บางแห่งได้เขียนไว้ชัดเจน เพื่อให้นักข่าวรู้หน้าที่ และแหล่งข่าวเข้าใจว่า
จะต้องปฎิบัติอย่างไรในการเชิญให้ถูกต้องตามธรรมเนียมปฎิบัติ
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะสิทธิพิเศษและผลประโยชน์ทับซ้อน หรือ Conflict
of Interest เช่น ปรากฎการณ์ที่เคยเกิดขึ้น
เมื่อรัฐสภาเชิญนักข่าวทั้งตัวจริง และตัวปลอมที่แอบแฝงมาในคราบนักข่าว
ไปเที่ยวและดูฟุตบอลอังกฤษ
ผู้บังคับบัญชาโดยตรงหรือบรรณาธิการจะเป็นผู้ตัดสินใจ
และมอบหมายให้นักข่าวเดินทางไปทำข่าวหรือสารคดีในต่างประเทศตามคำเชิญของแหล่งข่าวตามความเหมาะสม
นักข่าวไม่สามารถตกลงรับเชิญได้ นี่ไม่เกี่ยวกับสมาคมวิชาชีพใด
แม้กระทั่งตัวนักข่าวเอง
นักข่าวจะเรียกร้อง
ขอร้อง หรือตั้งเงื่อนไข เพื่อให้องค์กร บริษัท หรือหน่วยงานภายนอก
ส่งคำเชิญมาที่ตัวเองไม่ได้เด็ดขาด
หรือเก็บหมายงานไว้จนใกล้วันเดินทางแล้วค่อยแจ้งผู้บังคับบัญชาทราบ
เพื่อให้ตัวเองได้รับเลือกไป ในทางตรงกันข้าม หัวหน้า หรือบรรณาธิการ
จะถือสิทธิในการรับเชิญ ทั้งที่ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือนักข่าวมีความเหมาะสมมากกว่า
ก็ไม่ได้เช่นกัน
ในกรณีที่มีรายงานข่าวหรือบทความ
หลังจากกลับจากการเดินทางแล้ว ต้องระบุไว้ชัดเจนท้ายบทความ หรือรายงานชิ้นนั้นว่า
ข้อมูลได้มาจากที่ใด ใครเป็นผู้จัดการเดินทาง
เพื่อให้ผู้อ่านหรือผู้รับสารสามารถแยกแยะได้ว่า เขาควรเชื่อถือข้อมูล
ข่าวสารนั้นเพียงใด
นอกจากนั้น
กองบรรณาธิการอาจมีกรรมการพิจารณาคัดเลือกคนไป
เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาดหรือหมุนเวียนอยู่เฉพาะนักข่าวสายใดสายหนึ่งเท่านั้น
รวมทั้งมีหนังสือตอบรับการเดินทาง โดยระบุข้อความชัดเจนว่า
การเดินทางไปมิใช่คำมั่นสัญญา หรือข้อผูกมัดที่จะต้องกลับมาเขียนข่าว
หรือบทความในภายหลัง
นี่เป็นหลักปฏิบัติ
ที่ทั้งแหล่งข่าวและนักข่าวจะต้องรู้
และต้องให้การเคารพในบทบาทหน้าที่ซึ่งกันและกัน
โดยเฉพาะต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ว่า
นักข่าวมิใช่อภิสิทธิ์ชน
(ม้าสีหมอก ฉบับที่ 946 วันที่ 4-10 ตุลตาคม 2556)