ผู้ว่าการรถไฟนั่งร่วมขบวนปฐมฤกษ์เปิดเส้นทางรถไฟขบวนแรกสายเหนือ ถึงสถานีลำปาง นายสถานีรถไฟสั่งสับรางทั้งที่โบกี้ยังข้ามไม่พ้น
โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บ สั่งย้ายนายสถานีด่วน
ประจำกองจัดการเดินรถเขต 3 แทน
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.56 นายประภัสร์
จงสงวน
ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมคณะผู้บริหาร รฟท. ได้ร่วมเดินทางมากับขบวนรถไฟสายเหนือต้นทางจากกรุงเทพฯ
ปลายทางเชียงใหม่ เพื่อทดสอบความพร้อมในการให้บริการรถไฟสายเหนือระยะยาว หลังปิดให้บริการตั้งแต่ 16 ก.ย.56 ถึง 30 พ.ย. 56 รวม 75
วัน ตั้งแต่สถานีศิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์ ถึงสถานีนครเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
โดยได้มีการเปิดทดลองใช้รถไฟวันที่ 1 ธ.ค.วันแรก โดยผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยพร้อมคณะ
ได้ทดลองนั่งรถไฟขบวนด่วนพิเศษที่ 1 ออกจากกรุงเทพฯ
เมื่อเวลา 18.20 น. กำหนดถึงลำปาง เวลา 05.25 น. แต่รถขบวนดังกล่าวมาถึงล่าช้าไป 66 นาที และเมื่อเดินทางออกจากสถานีลำปางมาถึงบริเวณสถานีลำพูน
พนักงานขับต้องนำรถเข้าช่องทางเบี่ยง เพื่อหลบให้รถไฟที่มาจากจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นขบวนรถไฟฟรีเพื่อประชาชนที่มารอเข้ารางมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯอยู่หน้าสถานี
แต่ขณะที่โบกี้สุดท้ายซึ่งเป็นของผู้ว่าการรถไฟนั่งมายังไม่พ้นบริเวณทางเบี่ยงนายสถานีได้สั่งให้พนักงานสับรางเพื่อแยกรางออก
เป็นเหตุให้โบกี้ด้านหน้าที่เลี้ยวเข้าสู่รางหลีกไปแล้วดึงโบกี้ที่คาอยู่บนรางหลักออกไปด้วย
ทำให้โบกี้ที่คาอยู่บนรางหลักปีนตกออกจากรางและแฉลบไปยังรางหลีกทะลุรางจนได้รับความเสีย
และต้องจอดขวางรางอยู่ ทำให้รถต้องหยุดวิ่ง และต้องระดมเจ้าหน้าที่กว่า 50 คน เร่งซ่อมและเปิดทางให้รถไฟขบวนเชียงใหม่-กรุงเทพเดินทางไปก่อน
ส่วนขบวนรถด่วนพิเศษที่1ได้มีการตัดขบวนหน้าให้เดินทางต่อไปยังเชียงใหม่
และปล่อยโบกี้ที่ตกรางและพ่วงรวม 3โบกี้ไว้ที่เกิดเหตุเพื่อรอรถยกขึ้น ทั้งนี้ ขณะเกิดเหตุไม่มีใครนั่งในโบกี้ที่เกิดเหตุ
เนื่องจากนายประภัสร์ และคณะกำลังเดินสอบถามผู้โดยสารความรู้สึกของผู้โดยสารที่เดินทางมากับขบวนรถคันดังกล่าว
และมานั่งพักผ่อนที่โบกี้กลางแทน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย มีคำสั่งย้ายนายสิลรัตน์
ดีวาจี นายสถานีรถไฟลำพูน ไปประจำที่กองจัดการเดินรถเขต 3 สถานีศิลาอาสน์
จ.อุตรดิถ์ทันที
สำหรับการซ่อมรางรถไฟครั้งนี้
ได้มีการปรับปรุงทางในอุโมงค์ 4 แห่ง ได้แก่ อุโมงค์ปางตูบขอบ
อุโมงค์เขาพลึง อุโมงค์ห้วยแม่ลาน อุโมงค์ขุนตาน และมีการปรับรัศมีโค้งแคบ 7แห่งซึ่งเป็นจุดเสี่ยงพร้อมวางราง 100 ปอนด์
รวมระยะทาง 8,048 เมตร
เปลี่ยนหมอนคอนกรีตเพื่อทดแทนของเก่าระยะทาง 52.24 กิโลเมตร
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 955 6 - 12 ธันวาคม 2556)