ไม่เคยคิดว่า
จะต้องเขียนเรื่องในบ้าน แต่เมื่อคนนอกบ้านโยนไฟเข้ามา หากไม่เร่งรีบหาน้ำมาดับไฟ
ก็คงต้องวอดวายกันไป โดยหาต้นเพลิงไม่ได้
ต้นเหตุอันมาจากความไม่เข้าใจ ความสำคัญผิดของผู้ประกอบการรายหนึ่ง ที่เห็นว่า
การเสนอข่าวคำสัมภาษณ์ของตัวเองทุกถ้อย ทุกคำ ที่มีพยานหลักฐานชัดเจน
เป็นความเสียหาย อีกทั้งภาพที่ให้ถ่าย ไม่มีอิดเอื้อน ไม่มีข้อแม้
กลายเป็นความผิดที่จินตนาการกันไปกว้างไกล
เท่าที่จับใจความได้
มีประเด็นข้อสงสัย ที่ต้องอธิบายให้ความรู้กัน ๒ – ๓ ประเด็น เช่น
การรายงานข่าวคำสัมภาษณ์ ที่ไม่ได้แต่งเติมเนื้อหาและการใช้ภาพประกอบที่เจ้าตัวยินยอมให้ถ่ายระหว่างสัมภาษณ์เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือละเมิดหรือไม่
ความหมายของคำว่าบุคคลสาธารณะ หรือ Public Figure เกี่ยวข้องกับข่าวนี้อย่างไร บทบาทของสมาคมนักข่าว
นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการให้ใบอนุญาตการพิมพ์ การออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
รวมทั้งประเด็นปลีกย่อย
เช่น กรณีที่มีการโพสต์ข้อความ
ที่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาทอย่างชัดแจ้ง
กล่าวเท็จให้ร้ายบรรณาธิการบริหาร ลานนาโพสต์ ซึ่งเป็นผู้หญิง ด้วยภาวะอารมณ์
ไม่ได้ไตร่ตรอง อย่างถี่ถ้วน ต่อมาได้ลบข้อความนั้นเสีย
ผู้โพสต์ข้อความที่เป็นชายคนหนึ่งนั้น จะพ้นความรับผิดทางอาญาในเรื่องนี้หรือไม่
คงต้องอธิบายโดยการแสดงสถานะที่เกี่ยวข้องพอเป็นสังเขป
ม้าสีหมอก
เป็นสื่อมวลชนคนหนึ่ง ที่มีฐานะเป็นทนายความจดทะเบียน ยาวนานมาเกือบ ๔๐ ปีแล้ว
โดยคดีความส่วนใหญ่ที่รับผิดชอบเป็นคดีหมิ่นประมาท
ประการต่อมา
ม้าสีหมอกดำรงสถานะเป็นกรรมการคนหนึ่งในสมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
ซึ่งเป็นองค์กรสื่อหลักของประเทศนี้ มาเป็นระยะเวลาต่อเนื่องเกือบ10 ปี
ดังนั้น
บรรดาข้อกล่าวหาทั้งปวง คำขู่เข็ญ คุกคาม ที่แสดงถึงความไม่เข้าใจในข้อกฎหมายและโครงสร้างการบริหารจัดการสื่อหนังสือพิมพ์ในประเทศไทย
จึงเป็นเรื่องที่อธิบาย ให้ความรู้ กันได้ไม่ยากเย็น
และด้วยความเคารพต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
เพื่อไม่ให้เป็นเพียงคำกล่าวอ้างลอยๆ โดยคิดเอง ทึกทักกันไปเอง โปรดศึกษาเรื่องราว
หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประกอบคำอธิบายในเรื่องที่อ้างอิงในบทความนี้ที่ www.thaimedialaw.org
เรื่องแรกที่ต้องอธิบายกัน
คือ การสัมภาษณ์แหล่งข่าว และถ่ายทอดคำสัมภาษณ์นั้นครบถ้วนทุกถ้อยคำ
รวมทั้งการใช้ภาพที่ถ่ายประกอบข่าวเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทในทางอาญา
หรือละเมิดในทางแพ่งหรือไม่ คำตอบคือ ไม่เป็นความผิดในทั้งสองกรณี
โดยถ้อยคำเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงจากผู้ให้สัมภาษณ์เอง
ไม่มีการแต่งเติมเนื้อหาสาระ ไม่เข้าองค์ประกอบในการใส่ความ
โดยประการที่น่าจะทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง การใช้ภาพก็เช่นกัน
เป็นการใช้ภาพโดยปกติด้วยสีหน้าท่าทางของผู้ให้สัมภาษณ์ขณะนั้น
กรณีจึงไม่เป็นความผิดไม่ว่าในกรณีใด
นอกจากนั้น
การให้แหล่งข่าวตรวจสอบข่าวและภาพก่อนตีพิมพ์
ก็เป็นเรื่องที่ขัดกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา ๔๕ อย่างชัดแจ้ง ทั้งรัฐและเอกชนไม่สามารถแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนได้
ข้อต่อมาเรื่องของ
บุคคลสาธารณะ การให้สัมภาษณ์ด้วยความยินยอมหรือได้รับอนุญาตจากแหล่งข่าวแล้ว
ก็เป็นสิทธิและหน้าที่ของนักข่าว ที่จะต้องรายงานข่าวตามการให้สัมภาษณ์นั้นโดยหน้าที่ทางวิชาชีพ
ไม่ว่าแหล่งข่าวจะเป็นบุคคลสาธารณะ คือดารา นักแสดง นักการเมือง
บุคคลที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปหรือไม่
เรื่องของบุคคลสาธารณะจะเป็นปัญหาขึ้นมาก็เฉพาะ กรณีที่มีข้อโต้แย้งว่า
การก้าวล่วงเข้าไปในเรื่องส่วนตัว หรือ Right to Privacy ของบุคคลสาธารณะ
สามารถทำได้มากน้อยเพียงใด
กรณีนี้จึงเป็นคนละเรื่อง
คนละประเด็นกับเรื่องบุคคลสาธารณะ
ข้อต่อมา
นับจากปี พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นต้นมา การตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ไม่ต้องมีใบอนุญาต
พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ ก็เป็นกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์จดแจ้งไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น
ไม่ได้เป็นกฎหมายที่มีลักษณะบังคับควบคุม
หรือมีโทษทางอาญาเช่นเดียวกับกฎหมายการพิมพ์ฉบับก่อนๆที่ยกเลิกไปหมดแล้ว
นอกจากนั้นสมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
ก็ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการให้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนใบอนุญาตการพิมพ์
เป็นเพียงสมาคมที่ดูแลเรื่องสวัสดิการ และเรื่องสิทธิเสรีภาพของนักข่าวที่เป็นสมาชิกเท่านั้น
และนักข่าวส่วนใหญ่ก็เป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์ส่วนกลาง
สรุปว่าหนังสือพิมพ์ไม่ต้องมีใบอนุญาต
และสมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ
สุดท้าย
เรื่องการโพสต์ข้อความที่เป็นหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกสูงสุดถึง
๒๐ ปี ซึ่งเป็นโทษที่หนักกว่าความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาททั่วไป ถึงแม้ว่าต่อมา
ผู้โพสต์ข้อความจะลบข้อความนั้นทิ้งเสียไม่ได้อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์อีกต่อไป
แต่ในทางกฎหมายถือว่าความผิดสำเร็จแล้วนับจากโพสต์ข้อความ ถ้าผู้เสียหายสามารถแสดงหลักฐานข้อความแสดงต่อศาลได้
ผู้กระทำก็ไม่พ้นความรับผิด
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงคำอธิบายบางส่วน
ในประเด็นสำคัญๆ เพื่อยืนยันว่าลานนาโพสต์ เข้าใจทุกถ้อย ทุกคำที่กล่าวหา หรือพยายามจะสร้างภาพในจินตนาการให้หลงประเด็นหรือหวาดกลัว
ในฐานะผู้เสียหายแท้จริง
จะมีการใช้สิทธิในทางศาลหรือไม่คงยังยืนยันไม่ได้
แต่นี่ก็ถือเป็นบททดสอบอีกบทหนึ่ง ที่ทำให้เข้าใจคนบางคนมากขึ้น
และได้รู้ว่ามิตรแท้ในยามยากของลานนาโพสต์ในฐานะเป็นสื่อของคนลำปางและคนลำปางทั้งโลกที่ยืนหยัดมั่นคงมายาวนานนั้น
มีจำนวนมากพอที่จะมั่นใจว่า เราไม่โดดเดี่ยวอย่างแน่นอน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 955 6 - 12 ธันวาคม 2556)