ระทึกถังแก๊สขนาด
80 กิโลกรัม ที่ใช้อบเซรามิกระเบิด ขณะที่เจ้าของกำลังจะจุดไฟ ผลเจ็บสาหัส
โครงสร้างหลังคาพังยับ โชคที่ดีสามรถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ทัน แต่ก็สร้างความแตกตื่นไปทั่วเนื่องจากอยู่กลางชุมชน
เมื่อเวลา
18.40 น.วันที่ 1 ก.พ.57 ร.ต.อ.สมบัติ
พุ่มเพ็ชรษา พนักงานสอบสวน สภ.เกาะคา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุแก๊สระเบิด ภายในโรงงานเซรมมิก
ชื่อ แน๊ก วา เซรามิก เลขที่ 63 หมู่ 8 บ้านศาลาบัวบก ต.ท่าผา อ.เกาะคา จ.ลำปาง
มีไฟลุกไหม้ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บในที่เกิดเหตุ
จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเทศบาล ต.ท่าผา ให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ดับเพลิง
เทศบาลตำบลท่าผา พร้อมรถดับเพลิงกำลังฉีดน้ำสกัดไฟและกลุ่มควันที่ยังคุกลุ่น
บริเวณหลังคาและที่ตั้งเตาอบเซรามิก นอกจากนี้ยังฉีดน้ำไปยังถังแก๊สขนาด 80 กิโลกรัมที่ตั้งอยู่อีกสองถังที่ยังไม่ระเบิด
เพื่อระบายความร้อนโดยใช้เวลา 20 นาที จึงสามารถคุมสถานการณ์ไว้ได้
จากนั้นจึงนำถังแก๊สออกมายังที่โล่งแจ้งทั้งสองถังและได้ปิดวาล์วเรียบร้อยแล้ว
เบื้องต้นในที่เกิดเหตุพบว่า มีถังแก๊สขนาด 80 กิโลกรัมระบิดไปแล้ว
1 ถัง สภาพถังแก๊สที่ระเบิดกลายเป็นเศษเหล็ก
อยู่ในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ แรงระเบิดทำให้หลังคาโรงงานพังเสียหายไปทั้งแถบ
อุปกรณ์ต่างๆที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุได้รับความเสียหายจำนวนมาก
ขณะเดียวกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายอาการสาหัส ทราบชื่อคือนายสายัน
สร้อยแก้ว อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานแห่งนี้
ถูกแรงระเบิดและไฟลวกทั่วร่างกาย อาการสาหัส
เพื่อนบ้านและญาติที่ประสบเหตุได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลเกาะคา
และได้ส่งต่อมารักษาที่โรงพยาบาลลำปาง
ส่วนสาเหตุที่เกิดระเบิดนั้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร
แต่เพื่อนบ้านที่เข้าไปช่วยเหลือ
ให้การคาดว่าผู้บาดเจ็บน่าจะจุดไฟที่หัวแก๊สเพื่อที่จะทำการอบเซรามิก
แต่ก็เกิดการระเบิดทันทีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวได้ยินไปหลายกิโลเมตร
โดยมีเปลวไฟลอยขึ้นฟ้าสูงมาก ซึ่งโรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน
จึงสร้างความตื่นตระหนกตกใจ แต่เนื่องจากว่ารอบๆมีโรงานเซรามิกขนาดกลางและขนาดเล็กหลายแห่ง
ชาวบ้านจึงระดมนำถังเคมีดับเพลิงมาช่วยสกัดเพลิงและนำตัวผู้บาดเจ็บออกมาได้ทัน
อีกทั้งเทศบาลตำบลท่าผาอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 1 กิโลเมตร ทำให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงทีก่อนที่จะลุกลาม
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะคา ได้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุและประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ
จากนั้นจะสืบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้นจากผู้บาดเจ็บต่อไป
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 964 7-13 กุมภาพันธ์ 2557)