ผู้ป่วยแม่เมาะใกล้ถึงฝัน
หลังรอนาน 12 ปี ตุลาการนัดฟังคำแถลงแย้งอุทธรณ์ คาดผลยืนตามศาลชั้นต้นจ่ายค่าเยียวยาคนละ 2.4 แสนบาท รวม 115 ล้านบาท
เมื่อวันที่
10 มี.ค. 57
ที่ผ่านมา นางมะลิวรรณ
นาควิโรจน์ ประธานเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ พร้อมด้วยกลุ่มผู้ป่วยแม่เมาะ
กว่า 200 คนใช้รถบัสจำนวนสามคัน เดินทางเข้ากรุงเทพฯ
เพื่อเข้าร่วมรับฟังการแถลงแย้งคำอุทธรณ์ของตุลาการเจ้าของคดีต่อศาลปกครองสูงสุด
กรณีคดีฟ้อง กฟผ. ในวันที่ 11 มี.ค.ที่ศาลปกครองสูงสุด
โดยก่อนจะออกเดินทางกลุ่มผู้ป่วยทั้งหมดได้นำดอกไม้ ธูปเทียนมาสักการะขอพรที่อนุสาวรีย์หลวงพ่อเกษมเขมโก
อดีตเกจิชื่อดังของชาวจังหวัดลำปางเพื่อขอพรและให้การเดินทางไปรับฟังการแถลงให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและราบรื่น
โดยนางมะลิวรรณ
กล่าวว่า สำหรับการเดินทางไปศาลปกครองสูงสุดในครั้งนี้
ทางกลุ่มผู้ป่วยมีความหวังเต็มเปี่ยมและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเมตตาจากศาล
หลังเข้าสักการะหลวงพ่อเกษม เขมโก
ซึ่งถือเป็นเกจิที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวลำปางเพื่อสร้างขวัญ
กำลังใจและขอพรให้ศาลปกครองสูงสุดซึ่งจะมีคำพิพากษาในอีกหนึ่งเดือนถัดจากนี้
พิพากษายืนตามศาลปกครองเชียงใหม่ที่ให้ กฟผ.จ่ายค่าชดเชยให้กับกลุ่มผู้ป่วยที่รอคอยการเยียวยา
มานานกว่า 12 ปี ซึ่งระหว่างที่รอผู้ป่วยก็เสียชีวิตไปแล้ว12
ราย จากจำนวนที่ยื่นฟ้องทั้งหมด 131 ราย
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก
ทางกลุ่มผู้ป่วยแม่เมาะซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กฟผ.ต่อศาลปกครองเชียงใหม่ เพื่อให้จ่ายค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าเสียหายและเยียวยาเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการผลิตไฟฟ้าของ
กฟผ.เมื่อ ปี 2546 และ เมื่อ 2552
ศาลปกครองเชียงใหม่มีคำพิพากษาให้ กฟผ.ชดใช้เงินแก่ราษฎรนับร้อยรายที่ได้รับผลกระทบจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์
(SO2) โดยกำหนดค่าเสียหายเป็นค่าเสื่อมสุขภาพอนามัย
และจิตใจแก่ราษฎรที่อยู่ในพื้นที่จริง ตามพฤติการณ์และความร้ายแรงของการกระทำ
ตามปริมาณและจำนวนครั้งที่ กฟผ. ปล่อย SO2
โดยส่วนใหญ่จะได้รายละ 246,900 บาท พร้อมดอกเบี้ย และ
มีคำพิพากษาให้ กฟผ. อพยพราษฎรและให้ปลูกป่าแทนสนามกอล์ฟ หลังจากนั้น
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ก็ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด
ตามขั้นตอนของกฎหมาย
ตุลาการเจ้าของสำนวนได้ตรวจพิจารณาบทกฎหมายและกฎที่สำคัญดังต่อไปนี้ประกอบด้วยแล้ว
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า
ผู้ถูกฟ้องคดีเป็นรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
พ.ศ. 2511 มีวัตถุประสงค์หลักในการผลิต จัดให้ได้มาซึ่งพลังงานไฟฟ้า
ผู้ถูกฟ้องคดีทำเหมืองแร่ลิกไนต์เพื่อใช้ถ่านหินลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิงกระแสไฟฟ้าและสร้างโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ตำบลแม่เมาะ
อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง โดยได้เริ่มสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็กกำลังการผลิต 12.5
เมกกะวัตต์ จำนวน 2 โรง ในปี พ.ศ. 2503
ต่อมาได้ดำเนินการก่อสร้างและใช้งานโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก 13 โรงดังนี้ ระหว่างปี
พ.ศ. 2541 ถึง พ.ศ. 2524 ก่อสร้างและใช้งานโรงไฟฟ้าที่ 1 ถึงที่ 3 กำลังการผลิต 75
เมกกะวัตต์ มีปล่องระบายก๊าซสูง 80 เมตร ปี พ.ศ. 2527 ถึงปี พ.ศ. 2528
ได้ก่อสร้างและใช้งานโรงไฟฟ้าที่ 4 ถึงที่ 7 กำลัง การผลิต 150 เมกกะวัตต์
มีปล่องระบายก๊าซสูง 150 เมตร ปี พ.ศ. 2532 ถึงปี พ.ศ. 2535
ได้ก่อสร้างและใช้งานโรงไฟฟ้าที่ 8 ถึงที่ 11 กำลัง การผลิต 300 เมกกะวัตต์
มีปล่องระบายก๊าซสูง 150 เมตร และ ปี พ.ศ. 2538 ก่อสร้างและใช้งานโรงไฟฟ้าที่ 12
ถึงที่ 13 กำลัง การผลิต 300 เมกกะวัตต์ มีปล่องระบายก๊าซสูง 150 เมตร
หลังจากใช้งานโรงไฟฟ้าที่ 1 ถึงที่ 3 ดังกล่าวแล้ว
ก็ได้เลิกใช้งานโรงไฟฟ้าขนาดเล็กทั้งสองโรงดังกล่าว
ในการควบคุมและกำจัดฝุ่นละอองจากใช้งานโรงไฟฟ้านั้น
ผู้ถูกฟ้องคดีได้ติดตั้งเครื่องกำจัดฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิต Electrostatic
Precipitator หรือ ESP ทุกโรงตั้งแต่เริ่มใช้งาน
ส่วนการกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์นั้น
เดิมผู้ถูกฟ้องคดีใช้วิธีกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ด้วยการทำปล่องระบายสูงเพื่อให้ก๊าซดังกล่าวกระจายไปในบรรยากาศ
ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีติดตั้งเครื่องกำจัดก๊าซ Flue Gas Desulfurization หรือ FGD จำนวน 8
เครื่องที่เครื่องผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า 10 โรง โดยเริ่มใช้งานที่โรงไฟฟ้าที่ 12
และที่ 13 เมื่อปี พ.ศ 2538 และทยอยติดตั้งและใช้งานที่โรงไฟฟ้าที่ 4 ถึงที่ 11 ปี
แล้วเสร็จในปี 2543 ส่วนโรงไฟฟ้าที่ 1 ถึงที่ 3 นั้น
ไม่ได้ติดตั้งเครื่องกำจัดก๊าซเนื่องจากได้หยุดใช้งานเมื่อปี พ.ศ. 2542
ส่วนการตรวจสอบสภาวะอากาศในพื้นที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
นั้นกรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตรวจวัดระดับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์
ฝุ่น กลิ่น เสียง และความสั่นสะเทือน
โดยมีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่โดยรอบโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จำนวน 4 สถานี คือ
สถานีบ้านสบป้าด สถานีบ้านสบเติ๋น สถานนีประปาส่วนภูมิภาค และสถานีบ้านท่าสี
ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีมีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศจำนวน 12 สถานี คือ สถานีตรวจอากาศหลัก
สถานีบ้านกอออ สถานีบ้านห้วยคิง สถานีศูนย์ราชการรวม สถานีบ้านสบเมาะ
สถานีบ้านสบป้าด สถานีบ้านแม่จาง สถานีบ้านหัวฝาย สถานีบ้านท่าสี สถานีค่ายประตูผา
สถานีบ้านใหม่รัตนโกสินทร์ และสถานีบ้านท่าเสด็จ หลังจากที่ได้มีการติดตั้งเครื่องกำจัดก๊าซที่โรงไฟฟ้าจำนวน
11 ถึงที่ 13 แล้วปรากฏว่าเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2541
โรงไฟฟ้าแม่เมาะเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าจำนวน 11 โรง
โดยเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าที่ 7 และที่ 12 หยุดซ่อมตามวาระ
และหยุดซ่อมอุปกรณ์เครื่องกำจัดก๊าซของโรงไฟฟ้าที่ 8 ที่ 10 ที่ 12 และที่ 13
เหลือเพียงเครื่องกำจัดก๊าซของโรงไฟฟ้าที่ 9 และที่ 11
ที่สามารถใช้งานใช้งานได้ปกติ
จึงทำให้เกิดการสะสมของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในบรรยากาศในปริมาณสูงในช่วงระหว่างวันที่
17 ถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2541 ทำให้มีราษฎรได้รับผลกระทบจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เข้ารับการรักษาพยาบาลจำนวน
868 ราย เป็นผู้ป่วยนอก 865 ราย ผู้ป่วยใน 3 ราย
ต่อมาจังหวัดลำปางได้มีคำสั่งจังหวัดลำปางที่ 2014/2541 ลงวันที่ 8 กันยายน 2541
แต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการแพทย์กรณีราษฎรได้รับผลกระทบจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์
โดยผู้ถูกฟ้องคดีได้จ่ายค่าเสียหายให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบกรณีผู้ป่วยในเป็นค่าสินไหมทดแทน
8,200 บาท ค่าขาดประโยชน์ในการทำงานคนละ 131 บาทต่อวัน
กรณีผู้ป่วยนอกเป็นค่าสินไหมทดแทน 3,000 บาท
และค่าขาดประโยชน์ในการทำงานคนละ 131 บาทต่อวัน
โดยให้ราษฎรที่ได้รับความเสียหายยื่นบัญชีความเสียหายภายในวันที่ 4 ตุลาคม 2541
แต่ยังคงมีราษฎรอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ยื่นบัญชีความเสียหายภายในกำหนดเวลาดังกล่าวได้ฟ้องคดีให้ชดใช้ค่าเสียหายต่อศาลจังหวัดลำปางเป็นคดีหมายเลขดำที่
1945/2542 หมายเลขแดงที่ 431/2547 และคดีหมายเลขดำที่ 1960/2542 หมายเลขแดงที่ 354/2547
ซึ่งศาลจังหวัดลำปางมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหายแก่พืชผักผลไม้ของโจทก์
สำหรับผู้ฟ้องคดีทั้ง 19 สำนวน นั้นหลังจากเข้ารับการตรวจรักษากับแพทย์หญิงอรพรรณ์
เมธาดิลกกุล ซึ่งให้ความเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีป่วยเป็นโรคนิวโมโคนิโอซิส
(โรคปอดอักเสบจากฝุ่นหิน) และโรคพิษซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ผู้ฟ้องคดีทั้ง 19 สำนวน
จึงยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองเป็นคดีนี้
ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีทั้ง 19
สำนวน นายสุชาติ มงคลเลิศลพ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
พิมพ์จากความเห็นตุลาการเจ้าของสำนวน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 969 ประจำวันที่ 14 - 20 มีนาคม 2557)