วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ทางหลวงหมายเลข
11 ซึ่งมุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงใหม่พลุกพล่านไปด้วยรถยนต์
คู่ขนานกันช่วงอำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง มีทางหลวงชนบท ลป. 2017 ทางลาดยางขนาดสองเลนที่ทะลุออกอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูนได้
เส้นทางสายนี้ทอดยาวลัดเลาะไปตามหมู่บ้านเล็ก ๆ อันเงียบสงบ คดเคี้ยวไปตามขอบเขา
และขนาบข้างด้วยทางรถไฟสายเหนือที่ไปสิ้นสุดยังจังหวัดเชียงใหม่
ตลาดเช้าอำเภอห้างฉัตรคึกคักไปด้วยบรรยากาศแห่งการซื้อ-ขาย
เมื่อผ่านตัวอำเภอมารถราก็เริ่มน้อย
ไม่นานนักจะถึงอุทยานประวัติศาสตร์เจ้าพ่อขุนตาน
ด้านในปรากฏประติมากรรมแบบลอยตัวของเจ้าพ่อขุนตานบนหลังม้าคู่ใจ
แม้บรรยากาศดูเงียบเหงา แต่โดยรอบรูปปั้นก็มีเครื่องสักการะ อาทิ มีดดาบ
อยู่มากมาย บอกให้รู้ว่ามีผู้คนแวะเวียนเข้ามากราบไหว้อยู่ไม่น้อย หลังจากนั้นสองฟากถนนเราจะเห็นสวนปาล์มที่รุกคืบเข้ามาพร้อมกับสวนยางพารา
จนมาถึงบ้านห้วยเรียน ซึ่งมีทางเส้นเล็ก ๆ ทอดยาวไปสู่หมู่บ้านในหุบเขาทางด้านขวา
เรายังคงตรงไปตามเส้นทาง
2017 ที่บัดนี้สองข้างทางแปรเปลี่ยนเป็นภูเขาลูกย่อม ๆ ป่ารอบด้านเป็นสีน้ำตาลเพราะต้นไม้เปลี่ยนสีแห้งกรอบ
นาน ๆ จึงจะมีบ้านสักหลัง แต่ละหลังปลูกสร้างอย่างสมถะ บริเวณ กม. ที่ 11 ขวามือมีจุดชมวิว กม. 11 อยู่ริมถนน
ลักษณะเป็นศาลาแปดเหลี่ยมเปิดโล่งรับลมเย็น มุงหลังคาด้วยหญ้าคาอย่างประณีต
มีป้ายติดไว้ว่า “ของว่าง-น้ำดื่ม บริการฟรี”
ในศาลามีกล้วยน้ำว้าแขวนไว้เครือหนึ่ง
มีน้ำดื่ม ลูกอม เครื่องดื่มประเภทนมถั่วเหลืองยูเอชทีกล่องเล็ก ๆ หนังสืออ่านเล่น
และป้ายเขียนข้อความที่ชวนให้ฉุกคิดสะกิดใจ จากจุดนี้มองเห็นรางรถไฟเลียบไปตามภูเขา
ไล่เลยขึ้นไปคือผืนป่าที่กำลังผลัดใบ อีกด้านหนึ่งเป็นโค้งถนน แม้จะไม่ใช่ทิวทัศน์ที่อลังการ
แต่นับเป็นภาพที่ลงตัวเหมาะเจาะ ผ่อนพักสายตาได้เพลิน ๆ
ถัดจากศาลาชมวิวมีบ้านหลังหนึ่งปิดเงียบเชียบ
เข้าใจว่าผู้เป็นเจ้าของคงไม่อยู่ และคงเป็นเขานั่นเองที่สร้างศาลาชมวิวแห่งนี้
แม้ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จัก แต่ก็เชื่อว่าหลายคนคงรับรู้ได้ถึงมิตรภาพและน้ำใจที่ใครสักคนมีให้คนผ่านทาง
บริเวณ
กม. ที่ 13
มีทางแยกซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบท ลป. 2031 ซึ่งสามารถไปศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยและสวนป่าทุ่งเกวียนได้
แต่หากยังคงตรงไปบนเส้นทางเดิม อีก 3 กิโลเมตรเราจะถึงบ้านแม่ตานน้อย
ที่นั่นมีหย่อมบ้านและร้านค้าประปราย เป็นที่ตั้งของสถานีแม่ตานน้อย จากนี้ไปถนนเหลือแค่เลนเดียวเลียบไปกับทางรถไฟ
ลัดเลาะเข้าไปในหมู่บ้าน สองข้างทางเป็นสวนกล้วยและสวนลำไย
เมื่อถึงบ้านปางปงปางทราย หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เรียบง่าย
ดอยขุนตาลก็เหลือระยะทางอีกแค่ 10 กิโลเมตร
เมื่อถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลที่
ขต. 7 (ปางทราย) มีจุดตรวจ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ให้คำแนะนำว่าต่อจากนี้ไปอีก 8
กิโลเมตรเส้นทางจะชันไปจนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลเลยทีเดียว
ซึ่งก็จริง แต่ความชันนั้นก็บรรณาการเราด้วยความเป็นธรรมชาติสองข้างทาง
จนอดไม่ได้ที่จะลดกระจกลงเพื่อสดับฟังเสียงจักจั่นกรีดปีกดังไปทั่วราวป่า
มองดูเหยี่ยวขนาดเล็กร่อนลมร้อน ได้กลิ่นของป่าเป็นกลิ่นของใบไม้แห้ง ๆ
แตกกรอบแกรบ ขณะนี้เราอยู่ที่ความสูง 535 เมตร
จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
ป้ายน้ำตกห้วยน้ำแป๊บอยู่ทางขวามือ
เป็นน้ำตกข้างทางที่จะมีน้ำเฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั้น เมื่อถึงสามแยก
แยกขวาคือทางเข้าอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ส่วนแยกซ้ายตรงไปออกอำเภอแม่ทา
จังหวัดลำพูน ระยะทางราว 20
กิโลเมตร
อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลยามนี้เงียบสงบไร้นักท่องเที่ยว
ทว่าที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก็มีเจ้าหน้าที่พร้อมให้ข้อมูลตลอดเวลา
บริเวณโดยทั่วไปสะอาดสะอ้านดูเป็นระบบระเบียบ
ที่นี่มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติสู่ยอดดอยขุนตาลระยะทาง 5.5 กิโลเมตร
มีสถานที่น่าสนใจ 4 จุด ได้แก่ ย.1 มีบ้านพักของการรถไฟแห่งประเทศไทย
ย.2 มีลานกางเต็นท์อยู่ในป่าสนสวย ย.3 เป็นบ้านพักมิชชันนารีในความดูแลของมหาวิทยาลัยพายัพ
ส่วน ย.4 เป็นจุดสูงสุด ไม่มีบ้านพัก แต่ทิวทัศน์สวยงาม
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่
2 ดอยขุนตาลนับเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ “ย” หมายถึงจุดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ
ที่ใช้สังเกตการณ์เขตจังหวัดลำปางและจังหวัดลำพูน บนดอยขุนตาลมีถึง ย.4 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดและเป็นฐานส่องกล้องสำคัญทางยุทธศาสตร์
หากใครรักการเดินทางแบบคลาสสิกด้วยรถไฟคงรู้จักอุโมงค์ขุนตาน
ซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟจากตัวเมืองลำปางมาสถานีขุนตานนั้นเป็นเรื่องง่าย
โดยหลังจากลอดอุโมงค์ขุนตานความยาว 1,352.10 เมตร
สถานีขุนตานก็ปรากฏที่ปลายอุโมงค์ และเราไม่ควรลืมที่จะค้อมคารวะอนุสรณ์สถานเล็ก ๆ
ที่รำลึกถึงเอมิล ไอเซนโฮเฟอร์ วิศวกรผู้ขุดเจาะอุโมงค์แห่งนี้ ก่อนจะเดินเท้าอีก 1.2
กิโลเมตรมายังที่ทำการอุทยานฯ
หรือจากสถานีขุนตานอาจใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ได้
ออกจากอุทยานฯ
เราเข้าเขตจังหวัดลำพูนที่บ้านขุนตาน ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา ผ่านจุดตรวจหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติขุนตาลที่
ขต. 1 (ป่าตึง) ออกสู่พื้นที่สวนลำไยและไร่ข้าวโพดกว้าง ที่บ้านใหม่ทาชมภู
ซ้ายมือจะมองเห็นสะพานทาชมภูอันแสนคลาสสิกที่ใคร ๆ ก็อยากเห็น
เป็นสะพานสีขาวรูปโค้งคันธนูงดงาม อายุไล่เลี่ยกับอุโมงค์ขุนตาน
หลังจากผ่านบ้านทาปลาดุกเส้นทางจะไปทะลุออกทางหลวงหมายเลข
11 ที่นำเรากลับเมืองลำปาง บนถนนสายหลักที่รถราขวักไขว่
เสียงเครื่องยนต์ห้อตะบึง ราวกับว่าโลกเมื่อสักครู่ได้หายวับไปแล้ว โลกใบเล็ก ๆ
ในหุบดอยห่างไกล โลกที่เงียบสงบและเป็นมิตร
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 970 ประจำวันที่ 21 - 27 มีนาคม 2557)