วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557

เปิดแผนเหยี่ยวไฟ ระดมพลดับไฟป่า



ผู้ว่าลำปาง สั่งเปิดยุทธการเหยี่ยวไฟลำปางดับไฟป่า ระดมเจ้าหน้าที่ทุกจากภาคส่วนทั้งในพื้นที่และจังหวัดจากใกล้เคียง เข้าเฝ้าระวังจุดเสี่ยง เผยจับกุมชาวบ้านลอบเผาป่าแล้ว 3 ราย ส่งฟ้องศาลตามกฎหมาย

เมื่อเวลา 09.00น.วันที่  8 มี.ค.57 ที่บริเวณหน้าอาคารศาลากลาง จ.ลำปาง นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย พลตรีชีวัน โหละบุตร ผบ.มทบ.ที่ 32 ลำปาง นายประพันธ์ ภัคดีนิติ รักษาการ ปภ.เขต 10 ลำปาง นายอำเภอ ทั้ง 13 อำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการทั้งภาครัฐ เอกชน เข้าร่วมพิธีปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ออกป้องกันและดับไฟป่าตามโครงการ เปิดยุทธการเหยี่ยวลำปางดับไฟป่า ปี 2557 โดยมีพนักงานและเจ้าหน้าที่ในทุกภาคส่วนประมาณ 1,000 คนเข้าร่วมในโครงการดังกล่าว พร้อมอุปกรณ์ดับไฟป่าทั้งรถดับเพลิง รถน้ำ และรถผจญเพลิงจากหลายหน่วยงานกว่า 30 คัน พากันเคลื่อนขบวนเข้าเฝ้าระวังตามแนวชายป่าที่เป็นจุดเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่าได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้จากการเปิดเผยของนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ว่า สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้แทบจะทุกจุด ทุกอำเภอทั้ง 13 อำเภอ มักจะเกิดเหตุไฟไหม้ป่าลุกลามขยายเป็นวงกว้างและยากต่อกันที่จะเข้าไปดับไฟ ประกอบกับกำลังของเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ในการดับไฟที่มีไม่เพียงพอต่อการทำงาน จึงส่งผลให้ไฟป่าลุกลามออกไปเป็นวงกว้าง ทำให้เกิดหมอกควันฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งจังหวัดลำปางทำให้กลายเป็นมลพิษในอากาศจนส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วไป ทำให้เกิดการเจ็บป่วยในระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในกลุ่มของเด็กเล็กและคนชราจนสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว 

ต่อมาวันที่ 11 มี.ค. 2557 นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง  พร้อมนายฉลอง ของเดิม นายฉลอง ของเดิม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จ.ลำปาง   ได้ ประชุมสรุปและประเมินสถานการณ์หมอกควันไฟในพื้นที่ จ.ลำปาง หลังจาก พบว่าค่าเฉลี่ยหมอกควันไฟ และฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศของ จ.ลำปาง  เกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัม  มายาวนานถึง  21 วันแล้ว  จึงได้ระดมทุกภาคส่วน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ   ร่วมกันดำเนินงานตามมาตรการต่าง ๆ  ทั้งแจ้งเตือนให้ประชาชนงดการเผา  และดำเนินการมาตรการทางกฎหมายต่างๆ   ที่ได้วางไว้อย่างเต็มที่  และล่าสุดเจ้าหน้าที่  ได้จับกุมคนเผาป่าได้  3 คน เป็นชาวบ้าน จ.ลำปางทั้งหมด

โดยรายแรก  คือนายพรชัย พระสิงห์ อายุ 52 ปี ชาว อ.เถิน   กระทำผิดจุด ไฟไหม้ แนวป่า ต.แม่ปะ อ.เถิน ลำปาง และ รายที่สอง เป็นชาวบ้าน อ.เสริมงาม   ส่วนรายที่สาม  เป็น ชาวบ้าน อ. เกาะคา จ.ลำปาง คือ นาย บุญเลิศ ภู่ธรรม    ได้นำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดี ในข้อหา เผาป่า ทำให้ผืนป่าเสีย หายและเกิดปัญหาหมอกควันไฟ  ซึ่งหลังมีการจับกุมคนเผาป่าได้ทั้งหมดแล้ว ก็ได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย นำตัวส่งฟ้องศาลทุกราย  ทั้งนี้ หากยังมีการ ตรวจสอบพบว่ามีผู้ใดผ่าฝืนบุกรุกเผาป่าอีก ก็จะมีการจับกุมอีก

นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า  ปัญหาหลักของการเกิดหมอกควันคือการเผา ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบทางเดินทางเดินหายใจโดยเฉพาะผู้สูงอายุ รวมทั้งปัญหาการลงจอดของเครื่องบินที่ไม่สามารถลงจอดได้ต้องบินวนถึง 2 รอบ เพราะเกิดหมอกควันทำให้ฟ้าหลัว  อีกทั้งยังกระทบในเรื่องของเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เพราะจากปัญหาหมอกควันวิกฤตทำให้นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่นและอาจไม่มาเที่ยวลำปาง ฝากถึงนายอำเภอทั้ง 13 อำเภอและประชาชนชาวลำปาง ให้ความร่วมมือในมาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าว คือ ไม่จุดไฟเผาป่า ไม่เผาพืชผลทางการเกษตรในการเตรียมที่ดินทำกิน โดยให้ใช้วิธีการใช้จุลินทรีย์ในการหมักใบไม้หญ้าแห้งแทน  สำหรับชาวบ้านที่มีอาชีพหาของป่าแล้วมีความเชื่อว่าเผาป่าแล้วจะเกิดผักหวานนั้น ได้มีตัวอย่างที่บ้านสามขา อ.แม่ทะ ซึ่งชาวบ้านได้ช่วยกันดูแลรักษาป่า ปรากฏว่าผักหวานเจริญเติบโตดีและมากกว่าเดิม ความเชื่อว่าเผาป่าแล้วเกิดผักหวานนั้นเป็นความเข้าใจที่ผิดหากมีโอกาสอยากพาชาวบ้านที่มีอาชีพหาของป่า ไปศึกษาดูงานที่บ้านสามขาด้วย  และกรณีที่พบเห็นการเกิดไฟป่าหากช่วยดับได้ก็ขอให้ช่วยกัน แต่หากไม่สามารถดับได้ขอให้แจ้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน อปท. หรือศูนย์เหยี่ยวไฟป่าของจังหวัดลำปาง จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 969  ประจำวันที่ 14 - 20 มีนาคม 2557)  
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์