ผบ.เรือนจำลำปางเข้าจู่โจมตรวจค้นเรือนนอนนักโทษชาย ค้นไม่พบโทรศัพท์มือถือต้นเหตุ สั่งแยกควบคุมตัวมาสอบสวนแต่ยังไม่ยอมปริปาก ผบ.ยันเพิ่มโทษผิดวินัยเรือนจำ
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.57 ผู้สื่อข่าว จ.ลำปาง รายงานว่า พบว่ามีนักโทษชายภายในเรือนจำกลางจังหวัดลำปาง มีการโพสต์ภาพของตนเองและเพื่อนขณะที่ต้องโทษอยู่ในเรือนจำ ลงบนเฟสบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า อั๋นตุ้ย มือระเบิด ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในสังคมออนไลน์ว่านำโทรศัพท์มือถือเข้ามาใช้ในเรือนจำได้อย่างไร เมื่อตรวจสอบในเฟสบุ๊กดังกล่าว พบว่า ได้มีการโพสต์ภาพของชายผมเกรียน มีรอยสักเต็มตัว ถ่ายภาพคู่กับเพื่อน ซึ่งในเฟสบุ๊กมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยล่าสุดได้มีการโพสต์ข้อความระบายความในใจเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.57 ที่ผ่านมา ทั้งข้อความว่า “เบื่อเซ็ง เมื่อไรจะได้กลับบ้านซะที อีกไม่นานคงได้เจอกันครับพี่น้อง นอนไม่หลับอยากกลับบ้าน คิดถึงพี่สาว” และยังมีข้อความในลักษณะขู่เพราะถูกชักดาบเงินด้วยว่า “หัวล้านจั๊กดาบตังไปบะเป็นหยัง จะไปหลำเข้ามาหนาคับ"ต้อนรับอย่างหรูคับพี่"กะว่ารอไปเจอกันข้างนอกกะได้คับ แล้วรอดูผมคับ"ฮาขึ้น"
หลังจากมีการเผยแพร่ภาพดังกล่าวออกไป ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายคัมภีร์ อนุรักษ์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางลำปาง ซึ่งเปิดเผยว่า หลังจากมีภาพออกไปได้เข้าตรวจสอบชื่อตามเฟสบุ๊ก ซึ่งปรากฏว่าบุคคลที่โพสต์รูปภาพดังกล่าวนั้นเป็นผู้ต้องขังชายในเรือนจำกลางลำปางจริง ต้องโทษในคดียาเสพติด ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวโจกเลยก็ว่าได้ โดยใช้ชื่อของตัวเองตั้งเป็นชื่อเฟสบุ๊ก ซึ่งมีบุคคลในภาพคนหนึ่งที่พ้นโทษไปแล้ว บางภาพก็เป็นภาพเก่าที่นานมาแล้ว ขณะเดียวกันหลังทราบเรื่องทางเจ้าหน้าที่เรือนจำได้นำกำลังเข้าไปจู่โจมตรวจค้นเมื่อเวลา 15.00 น. พบแต่อุปกรณ์สายชาร์ตแบต และ small talk แต่ยังไม่พบเครื่องโทรศัพท์มือถือ จึงต้องกันตัวผู้ต้องขังคนนี้ไว้ทำการสอบสวนอย่างละเอียด ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการตรวจค้นอย่างเข้มข้นจนกว่าจะพบสิ่งของดังกล่าว ส่วนผู้ต้องขังรายนี้ก็จะต้องมีโทษผิดวินัยเรือนจำเพิ่มขึ้นไปอีกกระทงหนึ่ง
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางลำปางได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯเป็นการด่วน เพื่อรายงานเรื่องดังกล่าวให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ทราบถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว
ในส่วนความเคลื่อนไหวของมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี มีรายงานว่า จากข่าวสารต่างๆที่ออกไปนั้น ทางกองเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 32 ก็ได้กำชับและตรวจตราอย่างใกล้ชิด พร้อมขอความร่วมมือจากญาติให้ความร่วมมือ ไม่สนับสนุนหรือลักลอบให้นำเข้ามา ในลักษณะของการซุกซ่อน ซึ่งในการตรวจสอบสิ่งของต่างๆจากญาติก่อนส่งมอบให้ผู้ต้องขัง สำหรับการจะเข้าไปตรวจสอบภายในเรือนจำกลางลำปางนั้น จะต้องมีหนังสือขอความร่วมมือให้เข้าร่วมตรวจสอบ ซึ่งในปัจจุบันได้มีการทำงานร่วมกัน 3 ฝ่าย คือ ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหากมีข่าว หรือเบาะแสว่า อาจจะมีการซุกซ่อนหรือกระทำการอันอาจจะส่งผลถึงความรุนแรงในวงกว้าง โดยมีหน่วยงานหลักทีรับผิดชอบแจ้งมาทางเจ้าหน้าที่ทหารจะร่วมดำเนินการในทันที
หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 981 ประจำวันที่ 6 - 12 มิถุนายน 2557)