ตะลึงยอดจับไม้ลำปาง เพียง 3 เดือนมีไม้หวงห้ามถูกตัดและแปรรูปกว่า 8,000 แผ่น พื้นที่ อ.งาวจับกุมบ่อยที่สุด ในขณะที่ไม่สามารถสาวถึงตัวการใหญ่ได้เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ
ส่วนผู้ที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่พ้นโทษก็ออกมาทำอีก เนื่องจากมีโทษไม่หนัก
สถานการณ์การตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ จ.ลำปาง ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมามีการนำเสนอข่าวผ่านทางสื่อต่างๆเกือบทุกเดือน ในขณะที่ไม่สามารถจับกุมตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังการทำลายป่าได้แม้แต่ครั้งเดียว ลานนาโพสต์ได้รวมรวบข้อมูลการจับกุมคดีการลักลอบตัดไม้จากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ลำปาง ซึ่งเป็นที่น่าตกใจเมื่อพบว่าเพียง 3 เดือนมีการลักลอบตัดไม้จำนวนมากกว่า 8,000 ท่อน/แผ่นเหลี่ยม เมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในรอบ 1 ปี มีการตัดไม้ทำลายป่า 18,926 ท่อน/แผ่นเหลี่ยม
จากการสรุปผลการตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ในส่วนรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดลำปาง
เดือนมกราคม 2557 จำนวน 65 คดี จับกุมผู้ต้องหา 13 คน เป็นคดีตรวจยึด ไม้/สัตว์ป่า 54 คดี ได้ของกลาง ไม้สักท่อน 135 ท่อน ไม้สักแปรรูป 280 แผ่น ไม้กระยาเลยท่อน 129 ท่อน ไม้กระยาเลยแปรรูป 322 แผ่น รถยนต์กระบะ 4 คัน รถ จยย.2 0 คัน เลื่อยโซ่ยนต์ 8 เครื่อง และอุปกรณ์อื่นๆ และคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 11 คดี พื้นที่ 111 ไร่ 1 งาน 87 ตารางวา โดยที่จับกุมได้มากที่สุดที่ อ.งาว 19 คดี เถิน 14 คดี แจ้ห่ม 14 คดี เมืองปาน 6 คดี เมืองลำปาง 4 คดี แม่เมาะ 3 คดี วังเหนือ 2 คดี ห้างฉัตร 1 คดี เกาะคา 1 คดี และแม่พริก 1 คดี
เดือนกุมภาพันธ์ 2557 จำนวน 40 คดี ผู้ต้องหา 5 คน เป็นคดีตรวจยึดไม้/สัตว์ป่า 31 คดี ไม้สักท่อน 247 ท่อน ไม้สักแปรรูป 35 แผ่น ไม้กระยาเลยท่อน 55 ท่อน ไม้กระยาเลยแปรรูป 157 แผ่น ไม้กฤษณาสด 151 กิโลกรัม รถยนต์กระบะ 6 คัน รถ จยย. 8 คัน เครื่องยนต์ 1 เครื่อง เลื่อยโซ่ยนต์ 8 เครื่อง มอเตอร์ไฟฟ้า 4 เครื่อง และอุปกรณ์อื่นๆจำนวนมาก โทรศัพท์ มือถือ 4 เครื่อง เงินสด 131,965 บาท ส่วนคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 9 คดี พื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถาง 125 ไร่ 1 งาน 28 ตารางวา ซึ่งที่ อ.งาวยังคงจับกุมได้มาที่สุด 17 คดี รองลงมาคือ แจ้ห่ม 9 คดี เถิน 4 คดี วังเหนือ 3 คดี เมืองลำปาง 2 คดี แม่เมาะ 2 คดี เมืองปาน 1 คดี เสริมงาม 1 คดี และแม่พริก 1 คดี
เดือน มีนาคม 2557 จำนวน 53 ผู้ต้องหา 2 คน คดีตรวจยึดไม้ 40 คดี ไม้สักท่อน 736 ท่อน ไม้สักแปรรูป 5
,759 แผ่น/เหลี่ยม ไม้กระยาเลยท่อน 110 ท่อน ไม้กระยาเลยแปรรูป 227 แผ่น/เหลี่ยมรถบรรทุก 6 ล้อ 1 คัน รถยนต์ 5 คัน รถ จยย.12 คัน เครื่องยนต์ ต้นกำลัง 3 เครื่อง เลื่อยโซ่ยนต์ 9 เครื่อง เรือหางยาว 7 ลำ มูลเลย์พร้อมเพลา 4 ชุด ใบเลื่อยวงเดือน 4 ใบ สายพาน 4 เส้น สลิงพร้อมโซ่ 1 เส้น ล้อเข็น 1 คัน และอื่น 1 3 รายการ สำหรับคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 13 คดี พื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถาง 145 ไร่ 2 งาน 25 ตารางวา และจับได้มากสุดที่ อ.งาว 13 คดี เมืองลำปาง 9 คดี แจ้ห่ม 7 คดี เมืองปาน 7 คดี เถิน 6 คดี เสริมงาม 5 คดี แม่เมาะ 4 คดี วังเหนือ 1 คดี และสบปราบ 1 คดี
สังเกตได้ว่าเพียงไตรมาสแรกในปี 2557 สามารถตรวจยึดไม้เถื่อน ทั้งไม้สัก ไม้กระยาเลย ที่ยังไม่ได้แปรรูป 1,412 ท่อน และแปรรูปแล้ว 6,780 แผ่น รวมทั้งหมด 8,192 ท่อน/แผ่นเหลี่ยม ส่วนผู้ที่ถูกจับกุมตัวได้นั้นส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านที่ได้รับการว่าจ้างจากนายทุนเข้ามาตัดไม้ในเขตป่าสงวนและตั้งโรงงานแปรรูป เพื่อลำเลียงส่งออกไปนอกพื้นที่ โดยที่ไม่เคยจับกุมถึงคนบงการได้แม้แต่ครั้งเดียว
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การจะสาวถึงตัวคนบงการนั้นจะต้องมีหลักฐานแน่นหนาและชัดเจน แต่เนื่องจากทุกวันนี้ ไม่สามารถหาหลักฐานที่ชี้ไปถึงตัวการใหญ่ได้ จริงอยู่ที่ชาวบ้านบอกว่ารับงานมาจากใคร แต่เราไม่มีหลักฐานที่จะไปจับกุมได้ เพราะการว่าจ้างชาวบ้านนั้นเป็นการบอกด้วยวาจา ไม่ได้มีการทำเป็นลายลักษณ์อักษร ทุกวันนี้จึงทำได้เพียงตรวจยึดของกลาง และจับกุมตัวผู้ที่ลักลอบตัดได้เท่านั้น ซึ่งโทษก็ไม่หนักมากนักเพียง 2 ถึง 5 ปีเท่านั้น
ทั้งนี้ จากการประชุมคณะกรรมการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยจังหวัดลำปาง ครั้งที่ 5/2557 เมื่อวันที่ 29 พ.ค.57 ที่ผ่านมา ได้มีการสรุปสถานการณ์ปัจจุบันการลักลอบกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายป่าไม้ที่ 13 สาขาลำปาง มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทำกันเป็นขบวนการ และสรุปผลการตรวจปราบปรามการ กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทและนอกเขต อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท โดยที่ผ่านมาได้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 สาขาลำปางดำเนินการตามแผนสนธิกำลังฯ ระหว่างวันที่ 9-27 เมษายน 2557 ดำเนินคดีจำนวน 17 คดี ผู้ต้องหา 4 คน ยึดของกลางไม้กระยาเลยท่อน (ชิงชัน ประดู่ เต็ง) จำนวน 71 ท่อน ประมาตร 12.40 ลบ.ม. ไม้กระยาเลย แปรรูป (ชิงชัน ประดู่ รัง มะค่าโมง) 465 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 28.04 ลบ.ม. รถยนต์ 9 คัน
ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางได้กล่าวในที่ประชุมว่า การกระทำความผิดกฎหมายป่าไม้ ช่วงนี้เพิ่มมากขึ้น กำชับทุกหน่วยให้มีการบูรณาการแผนการปฏิบัติร่วมกัน ทั้งด้านการป้องกัน การตรวจจับดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด และการเฝ้าระวังพื้นที่ที่เหลืออยู่ ไม่ให้มีการบุกรุกแผ้วถางได้อีก เช่น ป่าไม้ที่มีมูลค่าสูง ป่าไม้หวงห้าม (ไม้สัก ไม้ชิงชัน ฯลฯ) โดยนำระบบ GIS มาใช้และทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.57 พ.ต.อ.จาตุรงค์ แพโต ผกก.สภ.แม่ทะ พร้อมกำลังตำรวจ สภ.แม่ทะ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.แม่ทะ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้เข้าตรวจสอบบริเวณถนนสายลำปาง-แพร่ เขต บ้านนาฟาน หมู่ 5 ต.ดอนไฟ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง หลังจากได้รับแจ้งจากกำลังเจ้าหน้าที่ นทล.มทบ.32 หรือ หน่วยทหารขนาดเล็ก มณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี นำโดย ร.ต.ปรีชา ปัญญา หน.ชุด ชป.นทล.มทบ.32 ว่าได้นำกำลังควบคุมรถยนต์กระบะโตโยต้า ที่คาดว่าติดป้ายทะเบียนปลอม เลขทะเบียน บร-2248 พิษณุโลก บริเวณด้านหลังกระบะท้ายต่อโครงเหล็กและคุมผ้าใบมิดชิด แต่จากการตรวจสอบพบไม้เถื่อน เป็นไม้สักท่อนขนาดความยาวประมาณ 1 เมตร มากกว่า 87 ท่อนอัดซ้อนกันอยู่เต็มคันรถ ส่วนผู้ต้องสงสัยเป็นชายวัยรุ่นสองคน ที่มากับรถได้วิ่งหลบหนีเข้าป่าข้างทางหลายไปทันที แม้ทางเจ้าหน้าที่จะวิ่งติดตามแต่ก็ไม่ทัน
เมื่อเจ้าหน้าที่ร่วมกันตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบใบขับขี่ของหนึ่งในสองคนที่หลบหนีตกในที่เกิดเหตุ และภาพถ่ายที่ทางทหารได้ถ่ายไว้ขณะขอความร่วมมือชายทั้งสองให้เปิดผ้าใบรถ แต่พอทหารเผลอทั้งสองก็วิ่งหลบหนีเข้าป่าไปทันที นอกจากนี้ยังมีป้ายทะเบียนปลอมอีกหลายป้ายวางอยู่บนเบาะที่นั่งคนขับ คาดว่ากลุ่มนี้ใช้ตบตาเจ้าหน้าที่ในการขนย้ายไม้เถื่อน และทราบว่านายทุนที่สั่งไม้ดังกล่าวเป็นผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่แห่งหนึ่งที่ จ.แพร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป
ส่วนการจับกุมไม้เถื่อนได้ในครั้งนี้ จากการข่าวของ มทบ.32 ทราบว่าจะมีขบวนการขนไม้เถื่อนลักลอบขนไม้ออกจากพื้นที่ จ.ลำปาง ไป ยังจังหวัดแพร่ โดยใช้เส้นทาง ถ.สายลำปาง-แพร่ ทาง ดังนั้น พลตรีอุกฤษณ์ อากาศวิภาต ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยมณฑลทหารบกที่ 32 สั่งการให้ พ.อ.กวิน ยาวิชัย หก.ฝขว.กกล.รส.มทบ.32 หัวหน้าฝ่ายข่าวกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย มทบ.32 สั่งให้กำลังทหาร งานด้านการข่าวลงพื้นที่หาข่าว และให้หน่วยทหารขนาดเล็ก มณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี ซุ่มอยู่ป่าข้างทาง ถนนสายดังกล่าว จนกระทั่ง พบรถต้องสงสัย ที่บรรทุกสิ่งของมิดชิดขับผ่านมา กำลังทหารงานด้านการข่าวจึงขับรถติดตามและให้สัญญาณเพื่อขอตรวจสอบ เมื่อคนขับรถจอดและลงจากรถมาโดยมีชายวันรุ่นสองคน แสดงตัวทางเจ้าหน้าที่จึง ขอความร่วมมือในการตรวจสอบสิ่งของท้ายรถโดยให้ทั้งสองเปิดผากระบะท้ายรถ และทางเจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพไว้ด้วยแต่ระหว่างนั้น ชายวัยรุ่นทั้งสองคนที่เห็นเจ้าหน้าที่เผลอได้วิ่งหลบหนีเข้าป่าข้างทางไปทันทีแม้ทางเจ้าหน้าที่จะวิ่งไล่ติดตาม แต่ก็ไม่ทัน จึงได้เรียกและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ และยึดของกลางทั้งหมดเพื่อสืบหากลุ่มขบวนการนี้ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นขบวนการค้าไม้เถื่อนขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนืออีกด้วย
หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 981 ประจำวันที่ 6 - 12 มิถุนายน 2557)