กุลธิดา
สืบหล้า...เรื่อง
ถึงเราจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในเร็ว
ๆ นี้ และต่างก็ตื่นตัวที่จะเปิดรับภาษาต่างประเทศกันมากขึ้น
หลายคนส่งเสริมให้ลูกหลานเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ซึ่งก็เป็นความคิดที่น่าสนับสนุน
แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะละเลยภาษาของตนเอง
คำที่คิดว่าง่าย ๆ
แต่ใช้กันผิดมากที่สุด ก็คือ คะ ค่ะ นะคะ ถึงกับมีการสร้างแฟนเพจเฟซบุก “คำว่านะค่ะไม่มีในโลก” เพื่อคัดค้านการใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง
โดยมีการยกตัวอย่างจากเหตุการณ์จริงที่ใช้คำว่า “นะคะ” ผิดหลักภาษาไทย
ต่อไปนี้คือคำอธิบายถึงวิธีการใช้คำว่า
คะ ค่ะ นะคะ ที่เข้าใจง่ายที่สุดในโลก
“คะ” ใช้ต่อท้ายประโยคที่ต้องการถาม เช่น อย่างไรคะ เท่าไหร่คะ ทำไมคะ
และต่อท้ายคำว่า “สิ” กับ “นะ” เช่น อย่างนั้นสิคะ แบบนี้นะคะ
“ค่ะ”
ใช้ต่อท้ายประโยคตอบรับ เช่น ได้ค่ะ ไม่ค่ะ แน่นอนค่ะ และใช้ต่อท้ายประโยคบอกเล่า
เช่น หนูเป็นนักเรียนค่ะ
ส่วนคำผิดที่เจอบ่อยที่สุด คือ “นะค่ะ” ซึ่งต้องระลึกไว้เสมอว่าไม่มีในโลก “นะคะ”ลำปางเราเป็นเมืองที่มีร้านหมูกระทะหลายร้าน
แต่ร้อยทั้งร้อยเขียนคำว่า “กระทะ” เป็น “กะทะ” ทุกร้านไปแม้แต่ป้ายโฆษณาอาหารว่าอร่อยอย่างนั้นอย่างนี้
บางร้านออกแบบป้ายไวนิลอย่างเก๋ไก๋ แต่กลับเขียนคำว่า
“รสชาติ” เป็น “รสชาด” เสียนี่ (ชาด
คือ วัตถุสีแดงสดชนิดหนึ่ง เป็นผงก็มี เป็นก้อนก็มี ใช้ทำยาไทย
หรือประสมกับน้ำมันสำหรับประทับตรา หรือทาสิ่งของ)
ในร้านอาหารตามสั่ง
เมนูยอดฮิตของคนไทยที่เขียนผิดเป็นประจำ ได้แก่ “ผัดกะเพรา” ซึ่งมักจะเติม ร เรือ ผิดที่ไปสักหน่อย เป็น “กระเพรา” หรือไม่ก็ “กระเพา”
เช่นเดียวกับคำว่า “กะพริบ” ไม่ใช่ “กระพริบ” ส่วน “กระเพาะ” ก็ไม่ใช่ “กะเพาะ” จำง่าย ๆ ที่ถูกคือ
“กะเพรา” กับ “กระเพาะ”
ที่นี่รับสมัครพนักงาน “เสิร์ฟ” มักเขียนเป็นเสริฟ ส่วนอาหารรส “แซบ” หากจะเขียนให้ถูกต้องจริง ๆ ต้องไม่มีไม้เอก
แต่ที่เรียกรอยยิ้ม (ครูภาษาไทยคงอยากหยิก)
ขอยกให้ร้านขายปาท่องโก๋ร้านหนึ่ง ติดป้ายไว้ว่า “ปลาท่องโก๋”
ปิดท้ายด้วยคำคล้องจองที่เพื่อนแชร์มาให้อ่านเล่นขำ
ๆ ได้แต่คิดว่าเออหนอ นี่มันคือภาษาไทยที่ทำให้สนุกได้หากไม่คิดอะไรมาก
ไทยแลนด์โอนลี่จริง ๆ
นี่เตงมัยน่อร้อก จุงเบยย
แต่ก่อนดูเช้ยเชย ดั่งป้า
เด๋วนี้แจ่มกว่าเคย เป๊ะอ่ะ ! บ่องตง
งามถูกใจจริงน้า กดไลค์ รัวรัว
ตัวเทอว์มีคู่แล้ว หรือไร
รีบบอกมาไวไว นะฮ้าฟว์
คิสเถิงอยากเจอใจ จะขาด ฝุดฝุด
นี่แม่มศัพท์อัลไลค้าฟ เล่นงี้กูมึน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 985 ประจำวันที่ 4 - 10 กรกฎาคม 2557)