เจ้าของที่ดินแห่ฟังรายละเอียดโครงการรถไฟความเร็วสูง
ขอความชัดเจนเรื่องเส้นทาง เกาะติดสถานการณ์และความชัดเจนเงื่อนไขการเวนคืน
จาก
การสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่
2 ของโครงการศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพ-เชียงใหม่ ระยะที่ 2
จาก
พิษณุโลก-เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2557 ณ โรงแรมเวียงลคอร อ.เมือง
จ.ลำปาง
มีประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือได้รับผลกระทบจากโครงการรถไฟความเร็วสูง
โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนที่มีบ้านเรือนหรือที่ดินอยู่ในเขตเส้นทางรถไฟพาดผ่าน
ที่ดิน จาก อำเภอวังชิ้น อำเภอลอง จังหวัดแพร่
และอำเภอแม่ทะ จนถึงอำเภอเมือง ที่มีที่ดินติดแนวเขตรถไฟเดิม
มาร่วมรับฟังการชี้แจง ความคืบหน้าของโครงการฯ
ในที่ประชุมดังกล่าวได้ ชี้แจงผลสรุปการ
คัดเลือกเส้นทางของโครงการช่วงพิษณุโลก ถึงเชียงใหม่ มีข้อสรุปว่าส่วนใหญ่เป็นเส้นทางตัดใหม่
โดยมีจุดเริ่มต้นที่สถานีพิษณุโลก เชื่อมกับอีก 5 สถานี คือ สุโขทัย
ผ่านอำเภอศรีสำโรง และอำเภอสวรรคโลก มุ่งสู่ สถานีศรีสัชนาลัย ผ่านอำเภอวังชิ้น
อำเภอลองจังหวัดแพร่ ผ่านอำเภอแม่ทะ เข้าสู่สถานีลำปาง
ผ่านดอยขุนตานเข้าสู่สถานีลำพูน และเชียงใหม่ ความยาว 296 กม.
เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในอีก 6 ปีข้างหน้า (ปี 2563
)และใช้เวลาก่อสร้างแล้วเสร็จอีกประมาณ 6 ปี
นายชัยวัฒน์ ทองคำ
คูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว นสพ.ลานนาโพสต์ ว่า
การประชุมชี้แจงความคืบหน้าของโครงการครั้งนี้นับว่าได้รับความสนใจจาก
ประชาชนค่อนข้างมาก
โดยเฉพาะกลุ่มองค์กรภาคธุรกิจเอกชน
มีเสียงสนับสนุนและผลักดันให้เกิดโครงการนี้โดยที่คาดหวังจะได้รับประโยชน์
ด้านการพัฒนา
และธุรกิจการค้าในอนาคต อีกส่วนหนึ่งคือ
ประชาชนที่มีที่ดินอยู่ในแนวเขตเส้นทางรถไฟพาดผ่าน
มารับฟังรายละเอียดของโครงการฯในภาพรวมทุกด้าน
และหลังจากนี้ช่วงต้นเดือนสิงหาคม
2557 จะเริ่มลงพื้นที่พบกับเจ้าของที่ดินที่ได้รับผลกระทบ
เพื่อทำแนวเขตตามเส้นทาง
ว่าเส้นทางทั้งหมดผ่านบ้านเรือน ที่ทำกิน วัด ชุมชน
และสิ่งสาธารณะประโยชน์ใดบ้าง
เพื่อนำไปสู่กระบวนการข้อมูลที่ชัดเจนในการเวนคืนหรือเลี่ยงจุดสำคัญที่เป็น
ผลกระทบตามข้อห้ามต่างๆ
โดยภาพรวมโครงการนี้ไม่มีจุดที่ผ่านโบราณสถาน
แต่มีบางจุดที่ต้องออกแบบและใช้เทคนิคการก่อสร้างพิเศษเพื่อความเหมาะสม
เช่น จุดเชื่อมและอุโมงค์ลอด
หรือทางยกระดับ
"ในส่วนของสถานีลำปาง
ขณะนี้มีข้อสรุปแล้วว่าจะสร้างขึ้นที่สถานีรถไฟนครลำปางเดิมที่มีอยู่แล้ว
สร้างอาคารเพิ่มเติมด้านหลังของอาคารเดิม เพื่ออนุรักษ์ รูปแบบของอาคารเดิมเอาไว้
แต่ก็มีความเห็นเพิ่มเติม ให้ศึกษาและดูพื้นที่สถานีหนองวัวเฒ่า อ.แม่ทะ หรือ
ที่อำเภอห้างฉัตร แต่การศึกษาก็พบว่า
สถานีที่ดีที่สุดต้องอยู่ในเขตชุมชนเมืองที่เข้าถึงง่าย
ดังนั้นรูปแบบและจุดก่อสร้างของแต่ละสถานี จะแตกต่างกันตามความเหมาะสมของพื้นที่
"
ขณะที่ประชาชนที่มีที่ดินติดแนวเขตเส้นทางรถไฟพาดผ่านที่มาร่วมประชุม
มีความเห็นใกล้เคียงกันว่า ต้องการรับทราบความชัดเจนของโครงการฯ
ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อไหร่อย่างไร
เพื่อเตรียมตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีอาคารบ้านเรือนในแนวเขตเวนคืน อาจจะต้องย้ายและหาที่อยู่ใหม่
ระบุว่า มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับโครงการนี้ ทำให้เกิดความสับสน
และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลที่ชัดเจนทางจดหมายเป็นระยะ
นางไข่แก้ว ปุ๊ดเปียง อายุ 63 ปี
ราษฎรบ้านท่าแหน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง
หนึ่งในเจ้าของที่ดินทำกินในเขตเส้นทางรถไฟพาดผ่าน เปิดเผยว่า
ตนได้รับจดหมายจากโครงการฯให้มารับฟังข้อมูล
โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับโครงการนี้เลย จึงตั้งใจมาฟังรายละเอียดทั้งหมด
เพราะเท่าที่สอบถามจากหลายฝ่าย ทราบว่าเส้นทางรถไฟจะผ่านบนที่นาและสวนลำไยของตน
ยาว 18 ไร่ จึงอยากรู้ว่า หากเป็นเช่นนั้นจะมีแนวทางและเงื่อนไขเวนคืนที่ดินอย่างไร
และตนต้องวางแผนเกี่ยวกับที่ดินทำกินต่อไปอย่างไรในอนาคต
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 988 ประจำวันที่ 25 - 31 กรกฎาคม 2557)