สลด 2 หนุ่มใหญ่หัวใจวายตายเพียงลำพัง รายแรกมีอาชีพขับรถสี่ล้อแวะงีบใต้ต้นโพธิ์ตั้งแต่บ่าย ผ่านไป 6 ชั่วโมงยังไม่ตื่น ชาวบ้านสงสัยโทรแจ้งผู้นำชุมชนมาตรวจสอบ
พบนอนเสียชีวิตอยู่หลังรถ เบื้องต้นคาดโรคประจำตัวกำเริบ ส่วนอีกรายออกมาทำนาคนเดียวตั้งแต่เช้า ตกบ่ายยังไม่กลับบ้าน
ลูกหลานออกตามหา พบเสียชีวิตอยู่กลางทุ่งนา
คาดอากาศร้อนทำโรคประจำตัวกำเริบและไม่มีใครเห็นจนเสียชีวิต
เมื่อเวลาประมาณ 18.45
น. วันที่ 12 ส.ค.57 พ.ต.ท.ถนัดชัย เครือวัง พนักงานสอบสวนเวร
สภ.เมืองลำปาง ได้รับแจ้งว่ามีคนเสียชีวิตอยู่ภายในรถ บริเวณข้างวัดชมพูหลวง หมู่ 7 ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง จึงประสานตำรวจสายตรวจ
ต.ชมพู แพทย์เวร รพ.ลำปาง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยอัมรินทร์ร่วมตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นลานจัดกิจกรรมต่างๆของหมู่บ้าน
พบรถสี่ล้อสีเขียวเหลือง หมายเลขทะเบียน 10-2669 ลำปาง
จอดอยู่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่กลางลาน
โดยบริเวณเบาะรถด้านหลังพบศพชายนอนเสียชีวิตอยู่ในสภาพนอนหงายสวมเสื้อยืดสีแดง
กางเกงขายาวสีเทา ศพเริ่มแข็งตัว ที่มือข้างซ้ายพบยาดม ตกอยู่
เบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย ทราบชื่อต่อมาคือ นายภาณุพงศ์ มาดี อายุ 59
ปี อยู่บ้านเลขที่ 487 หมู่ 3 บ้านลำปางกลางฝั่งตะวันตก
ต.ปงแสนทอง อ.เมือง จ.ลำปาง
จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุทราบว่า
เห็นผู้ตายขับรถคันดังกล่าวมาจอดแล้วก็ลงจากรถมานอนที่เบาะท้ายรถสองแถวตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา
จนกระทั่งค่ำแล้ว พบว่ารถยังจอดอยู่ที่เดิมและไม่มีการเคลื่อนไหว จึงโทรศัพท์แจ้งให้ประธานชุมชนมาตรวจสอบแต่ก็พบว่าเสียชีวิตไปแล้ว
จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ เบื้องต้น
ชาวบ้านที่รู้จักกับผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายได้ไปอาศัยอยู่กับญาติที่บ้านศาลาดงลาน
หมู่ 1 ต.ศาลา อ.เกาะคา และมีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตในครั้งนี้
คาดว่าเมื่อวิ่งรถเสร็จ ผู้ตายก็มาจอดพักผ่อนที่ใต้ต้นไม้
และคาดว่าโรคประจำตัวกำเริบ จึงได้นำยาดมมาก่อนที่จะช็อคไป
และกว่ามีมีคนมาพบก็เสียชีวิตไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้มอบศพให้ญาติดำเนินการตามประเพณีต่อไป
สอบถามบุตรชาย ทราบว่า
ก่อนหน้านี้บิดาของตนได้ออกจากบ้านไปทำงานคนเดียว ตั้งแต่ 7 โมงเช้า
โดยก่อนออกจากบ้านก็เป็นปกติไม่มีอะไรที่ผิดสังเกต จนถึงช่วงบ่ายก็ยังไม่กลับมาบ้าน
ตนและญาติเห็นผิดปกติ จึงแจ้งไปที่เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองเขลางค์นคร
ให้ช่วยประสานเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยกันตามหา จนกระทั่งพบศพกลางทุ่งนาในเวลาต่อมา
ซึ่งประวัติผู้ตาย
เคยเข้ารับการรักษาโรคหัวใจ ที่โรงพยาบาลศูนย์ลำปางมาก่อน เจ้าหน้าที่คาด
ระหว่างผู้ตายออกมาทำงาน
อาจจะเพราะอากาศร้อนจัดจนทำให้ผู้ตายเกิดอาการโรคหัวใจกำเริบ และเนื่องจากผู้ตายมาทำงานคนเดียว
จึงไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือไว้ได้
จนกระทั่งมีผู้มาพบศพดังกล่าว โดยทางญาติไม่ได้ติดใจในการเสียชีวิต
เจ้าหน้าที่จึงจะได้มอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 991 ประจำวันที่ 15 - 21 สิงหาคม 2557)