บริษัท หลักทรัพย์ธนชาต
จำกัด ชี้ตลาดหุ้นบูมรับ AEC เผยลำปางโดดเด่นในภาคเหนือ เผยมีนักลงทุนรายใหญ่ถือหุ้นหลักร้อยล้านบาท
ขณะที่แนวโน้มเกิดนักลงทุนกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น ด้านที่ปรึกษาฯ ซีไอเอ็มบี เชียร์สถาบันการเงินพัฒนาเจ้าหน้าที่รองรับการลูกค้ากลุ่มกองทุนรวม
พิชัย เลิศสุพงศ์กิจ
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บ.หลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผย กับผู้สื่อข่าวลานนาBizweek ว่า
จากสถานการณ์ทางการเมืองที่คลี่คลายลงและแนวโน้มเศรษฐกิจมีความชัดเจนด้าน
นโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจตามประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ส่งผล
ให้ภาคธุรกิจและการลงทุนของไทยเริ่มฟื้นตัว
รวมถึงตลาดหุ้นได้ประโยชน์และมีสัญญาณทางบวก

"กระแสการลงทุนขณะนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังให้ความสนใจหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
สถาบันการเงิน และหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว และสิ่งที่น่าสนใจคือ การเปิดประชาคมอาเซียน
(AEC)
จะส่งผลทางบวกให้เกิดโอกาสของไทยเพราะเกิดลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ
กระจายในระดับภูมิภาค ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจท่องเที่ยวเติบโตขึ้น
สังเกตจากการขยายตัวของกลุ่มสายการบินโลว์คอสต่างๆเปิดเที่ยวบินเพิ่มขึ้น
แนวโน้มในปี 2558 เศรษฐกิจทุกด้านจะฟื้นตัวตลาดหุ้นจะมีความหลากหลายมากขึ้น
และเชื่อว่าจะมีสถาบันการเงินจากต่างประเทศเข้ามาเปิดให้บริการในไทยมากขึ้น
ซึ่งหมายถึงการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ ในกลุ่มอาเซียนจะมีมากขึ้น "
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ธนชาติ
กล่าวเพิ่มเติมว่า บ. หลักทรัพย์ธนชาต เป็นตัวแทนในการขายกองทุนกว่า 250 กองทุน
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสาขาทั้งหมด 27 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงสาขาลำปาง ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูง
ติดอันดับต้นๆในกลุ่มภาคเหนือ โดยพบว่ามีนักลงทุนรายใหญ่ๆในลำปางที่ถือหุ้นมูลค่าสูงหลายราย
บางรายมีตัวเลขลงทุนหลักร้อยล้านบาท ซึ่งการจัด สัมมนา "เคาะหุ้นเด่นกับธนชาติ"
ณ ห้องประชุมจันทร์ผา โรงแรมเวียงลคอร เมื่อวันที่
23 ส.ค. 2557 มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้าฟังสัมมนาค่อนข้างมาก ชี้ให้เห็นว่า
มีคนสนใจในการทุนหุ้นในระดับที่น่าสนใจเชื่อว่าจะมีการเปิดบัญชีลงทุนรายใหม่ๆเพิ่มขึ้น
จากจำนวนนักลงทุนที่เปิดบัญชีลงทุนกับ บ. หลักทรัพย์ธนชาติ.สาขาลำปาง มูลค่าลงทุนโดยรวมมากกว่า
1,000 ล้านบาท

"ในโลกของธุรกิจและการเงินในปัจจุบัน
ต้องส่งเสริมกระตุ้นให้คนทั่วไปและนักธุรกิจหันมาเก็บออมเงินรูปแบบใหม่นอกเหนือจากการฝากบัญชีเงินฝาก
ซึ่งขณะนี้ทุกสถาบันกำลังพัฒนาตัวเองให้เป็น
ที่ปรึกษาทางด้านการเงินแก่ลุกค้าทุกๆด้าน
โดยเฉพาะการลงทุนเงินฝากที่เกิดผลตอบแทนสูง ในรูปกองทุนเปิด กองทุนรวมต่างๆ เช่น
กองทุนทองคำ ซึ่งสามารถลงทุนได้ในอัตราไม่สูงมากนัก แต่สร้างผลตอบแทนที่ดี
โดยต้องเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนรวมถึงคนรุ่นใหม่
โดยเฉพาะคนวัยทำงานให้รู้จักการออมแบบเพิ่มมูลค่า เป็นกองทุนพื้นฐานของชีวิต”
นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่าสถิติ
ข้อมูลการลงทุนกองทุนรวมในประเทศไทยในระดับภูมิภาค พบว่า อันดับ 1 คือ ภาคเหนือ รองลงมาคือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ และอีสาน
ตามลำดับ ชี้ให้เห็นว่า ภาคเหนือ มีศักยภาพ
เพราะส่วนหนึ่งอาจจะได้เปรียบด้านท่องเที่ยวและมีแนวเขตติดกับชายแดน
ทำให้ภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมต่างๆมีศักยภาพ เช่น พื้นที่แม่สอด และลำปางพบว่ามีตัวเลขการลงทุนค่อนข้างสูง
และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างไรก็ตาม มองว่า สถาบันการเงิน
จะต้องยกระดับเจ้าหน้าที่ ไว้รองรับในการให้คำปรึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุน
รวมถึงการออมเงินในรูปแบบต่างๆแก่ลูกค้า และเชื่อว่าในไม่ช้าจะมีธนาคารใหม่ๆในกลุ่มประเทศอาเซียนเข้ามาให้บริการในไทยและภาคเหนือ
ซึ่งหมายถึงการแข่งขันและการเปิดเสรีด้านการลงทุนการเงินในอนาคตอันใกล้ด้วย
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 993 ประจำวันที่ 29 สิงหาคม - 4 กันยายน 2557)