ชี้เป้าที่ดินธนารักษ์ เกาะคา 500 ไร่
สร้างศูนย์กลางการเชื่อมโยงสินค้าและบริการทางบกของภาคเหนือ
หัวหน้าทีมศึกษาโครงการฯ นำเสนอ 2
ทางเลือกให้รัฐลงทุนวางโครงสร้างพื้นฐานแล้วเปิดสัมปทาน หรือ
ชวนยักษ์ใหญ่ลงทุนทั้งโครงการ
ผู้สื่อข่าวลานน Bizweek รายงานว่า จังหวัดลำปางจัดสัมมนา เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของคนในพื้นที่ในการจัดวางศูนย์กลางการเชื่อมโยงสินค้าและบริการทางบกของภาคเหนือ
จังหวัดลำปาง” วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557 ณ ห้องประชุมจันผา โรงแรมเวียงลคอร
จ.ลำปาง ได้นำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวกับประเด็น “ลำปางกับการเป็น Land Logistics Hubs ของภูมิภาค”
และ “การใช้ประโยชน์ของระบบโลจิสติกส์ในการเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงสินค้าและ บริการทางบกของภาคเหนือ”
โดยการนำเสนอดังกล่าวได้พูดถึง
แนวโน้มและความพร้อมของไทยกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน(AEC)
และการมีส่วนได้ส่วนเสียในความร่วมมือเศรษฐกิจภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) และนโยบายอื่นๆ ตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งล่าสุดได้อนุมัติโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเชื่อมโยงชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
5 เขต รวมถึงด่านชายแดน เชียงของ จ.เชียงราย ที่มีจุดเด่นเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านผ่านสะพานมิตรภาพไทยลาว
และศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ ครบวงจร รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพื่อรองรับเชื่อมโยงต่างๆ
เช่น โครงข่ายการขนส่งภาคเหนือ ทั้งทางบกและทางรถไฟ โครงการสถานีขนส่งสินค้า 15
แห่ง จุดพักรถบรรทุก (ภาคเหนือ) ซึ่งหลายโครงการจะผ่านและมีจุดความเหมาะสมในพื้นที่จังหวัดลำปาง
ด้วย จะมีสถานีตั้งอยู่ที่จังหวัดลำปางด้วย นับว่าเป็นโอกาสหลายด้าน
รศ.ดร.อภิชาต โสภาแดง หัวหน้าหน่วยวิจัยการจัดการโซ่อุปทานและวิศวกรรม.
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะหัวหน้าทีมศึกษาโครงการฯ ให้สัมภาษณ์กับ
ผู้สื่อข่าว ว่า จากการรวบรวมข้อมูลและศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับศูนย์กลางการเชื่อมโยงสินค้าและบริการทางบกของภาคเหนือ
จังหวัดลำปาง โดยสำรวจและศึกษาข้อมูล ทุกด้าน เช่น คาดการณ์ปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านศูนย์กลางการเชื่อมโยงสินค้าและบริการทางบกที่จังหวัดลำปาง สินค้าที่มีศักยภาพและมีแหล่งผลิตในภาคเหนือ
และลำดับสินค้าหลักในพื้นที่ที่มีศักยภาพของลำปาง เส้นทางการไหลของสินค้า การคาดการณ์ปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านศูนย์ฯ
ในอนาคต 10-20 ปี ข้างหน้า แนวโน้มการคาดการณ์มูลค่าสินค้าผ่านศูนย์ฯ ในช่วงปี
2016-2020 เริ่มต้นประมาณ 12.4 ล้านบาท
ทั้งนี้ในการศึกษาพื้นที่ตั้งโครงการพบว่า
มี 2 พื้นที่ คือพื้นที่เขตอำเภอห้างฉัตร ใกล้กับตลาดทุ่งเกวียน
และพื้นที่สามแยกอำเภอเกาะคา ซึ่งภาพรวมและข้อมูลสนับสนุนอื่นๆ
ชี้ว่าเกาะคามีความเหมาะสมกว่า โดยพื้นที่วางไว้ประมาณ 300 ไร่ ขึ้นไป และเป็นพื้นที่ที่ไม่ใช่ชุมชน
มีกรรมสิทธิ์ที่ดินชัดเจน หรือเป็นพื้นที่ราชพัสดุ ไม่ขัดแย้งกับผังเมืองรวม เข้าถึงง่าย
เหมาะสมในการก่อสร้าง ห่างจากสถานที่อ่อนไหว เช่น ชุมชน วัด
โรงเรียน โรงพยาบาล มีศักยภาพในการพัฒนาได้ดีกว่า
พื้นที่การใช้งานเป็นศูนย์กลางรวบรวมและกระจายสินค้า
เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างการขนส่งทางบก เป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์สำหรับคลังสินค้า
จุดเก็บสินค้า เป็นจุดให้บริการด้านการผลิตและพื้นที่สำหรับเก็บตู้คอนเทนเนอร์ มีสิ่งอำนวยความสะดวก
เช่น ศูนย์อาหาร ธนาคาร ร้านค้า งบประมาณมูลค่าก่อสร้าง ส่วนศูนย์กระจายสินค้า และ
ซ่อมบำรุงรถบรรทุก รวมแล้วประมาณ 1,700 ล้านบาท เป็นต้น
โดยข้อเสนอมีการแบ่งพื้นที่เป็น
2 โซน (ติดถนน คนละฝั่ง) โซน A ประมาณ 300 ไร่ โซน B
ประมาณ 200 ไร่ มีข้อ 2 ทางคือ อย่างแรก เสนอให้รัฐ ลงทุนรัฐลงทุนก่อน
ในการเริ่มงานวิศวกรรมโยธาและโครงสร้างพื้นฐาน และด้านสุขาภิบาล โซน A 800 ล้านบาท โซน B 407 ล้านบาท และเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาสัมปทานลงทุน และบริหารจัดการ ขณะนี้หารือเบื้องต้นกับเอกชนยักษ์ใหญ่
ประมาณ 7 รายแล้ว
“กับศูนย์กลางการเชื่อมโยงสินค้าและบริการทางบกของภาคเหนือ
จะเกิดประโยชน์องค์รวม ทั้งภาครัฐ
เอกชน และชุมชนใกล้เคียง รวมถึงเศรษฐกิจโดยรวมของลำปางและภาคเหนือ ที่ต้องร่วมกันผลักดันโดยคณะกรรมการระดับจังหวัด
เมื่อศูนย์แห่งนี้ได้รับการผลักดัน เชื่อว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดลำปางและภาคเหนือ
จะเพิ่มขึ้นประมาณ 1-5% ในปีแรก
เกิดการจ้างงานภาคโลจิสติกส์เพิ่มขึ้น 5% สัดส่วนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในจังหวัด
มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 4.1%” รองศาสตราจารย์ ดร.อภิชาต โสภาแดง
กล่าว
ด้านนาย นายสุวพงษ์ สงวนศักดิ์ ธนารักษ์ พื้นที่ลำปาง กล่าวว่า
พื้นที่ตามโครงการ (อ.เกาะคา) ดังกล่าวเป็นพื้นที่ธนารักษ์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นที่ดินว่างเปล่า
ถัดจากที่ตั้งโรงงานน้ำตาล
และอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนไฮเวย์
ซึ่งจะต้องรอผลสรุปการศึกษาเสร็จสิ้นและมีความชัดเจนเรื่องของรูปแบบและแนว
ทางการผลักดันร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของลำปาง
ว่าจะทำในทิศทางใด
จากนั้นก็เจรจากับผู้ขอใช้พื้นที่รายเดิมก่อนว่าสนใจจะลงทุนในโครงการนี้
หรือไม่
หากไม่สนใจก็ขอคืนพื้นที่เพื่อนำมาใช้ประโยชน์และเปิดประมูลให้เอกชนรายอื่น
เข้ามาบริหารจัดการ
ต่อไป คาดว่าโครงการนี้หากร่วมกันผลักดันอย่างจริงจังจะเกิดเป็นรูปธรรม
ในระยะเวลา
3-5 ปี ข้างหน้า
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 994 ประจำวันที่5 - 11 กันยายน 2557)