ลานนาโพสต์ นำเสนอข่าว
ชนิดพันธุ์พืชน้ำ “จอกหูหนู”
แพร่ระบาดทั่วผืนน้ำเขื่อนกิ่วลมมาอย่างต่อเนื่องนานเดือนสู่แรมปี มองจากคนข้างนอก
คล้ายปรากฎการณ์ธรรมชาติเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นแล้ว
ธรรมชาติก็จะเยียวยาแก้ไขไปเอง
หรืออาจไม่รู้สึกว่าการปรากฏกายของปีศาลสีเขียวที่กิ่วลม
จะส่งผลกระทบรุนแรงอย่างไร
ในขณะที่กรมชลประทาน เจ้าของพื้นที่ปล่อยให้ชะตากรรมน้ำในเขื่อนเป็นไปตามยถากรรม
ผู้บังคับบัญชาสูงสุด ผู้ว่าราชการจังหวัด
ก็ไม่ได้แสดงถึง “ภาวะผู้นำ” ในการบริหารวิชั่นในการจัดการปัญหาจอกหูหนูที่ส่งผลในวงกว้างอย่างคาดไม่ถึง
ทั้งปัญหาการท่องเที่ยว
ปัญหาการดำรงชีวิตของคนที่อยู่อาศัยพึ่งพิงน้ำในเขื่อนรายรอบบริเวณ
และที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง นี่คือปัญหาการรุกรานของพืชน้ำขั้นวิกฤต
ในเขื่อนชลประทานแห่งแรก และแห่งเดียวในประเทศไทย
หลายชีวิตที่ต้องพึ่งพาเขื่อนกิ่วลม
อาจรอคอยความหวังว่ากรมชลประทาน จะจัดการจอกหูหนู ถึงไม่หมดไป แต่ก็เบาบางลงบ้าง
แต่จนถึงวันนี้จอกหูหนูก็ยังแออัดยัดเยียดอยู่ในเขื่อน สมาคมท่องเที่ยวลำปาง
ภาคเอกชนที่ควรรู้ร้อนรู้หนาวที่แหล่งท่องเที่ยวระดับกุ้ยหลินแห่งเมืองลำปาง
กำลังถูกทำลาย ก็เงียบงัน เงียบเชียบ เหมือนเขื่อนกิ่วลมไม่มีตัวตนอยู่ แทบไม่ต้องอธิบายบทบาทของสื่อท้องถิ่นที่ควรเป็นเสียงสะท้อน
ความไม่ปกติของเขื่อนกิ่วลม เพื่อสร้างแรงผลักดัน
ให้มีการร่วมกันแก้ไขปัญหาทั้งฝ่ายราชการและชาวบ้าน ก็ยังคงเลือดท่วมหน้ากระดาษ
หมกมุ่นกับข่าวงมงาม ฉาบฉวยไปวันๆ
อย่าว่าแต่ท้องถิ่น ในระดับชาติข่าวสิ่งแวดล้อม
ก็เป็นข่าวชั้น 2 ที่นักข่าว บรรณาธิการ
ไม่ให้ความสำคัญมากเท่ากับข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม กีฬา บันเทิง น้อยครั้ง
ที่ข่าวสิ่งแวดล้อมจะเป็นข่าวหน้าหนึ่ง นอกจากข่าวภัยธรรมชาติ ซึ่งเป็นข่าวที่เกิดจากการทำลายสภาพแวดล้อมส่วนหนึ่ง
เช่น การตัดไม้ทำลายป่า เราเสนอข่าวตัดไม้น้อยแต่เสนอข่าวตอนที่น้ำป่าไหลบ่าลงมาท่วมบ้านชาวบ้านมาก
เราเสนอข่าวพันธุ์พืชน้ำรุกรานแหล่งน้ำสำคัญน้อย หรือแทบไม่ได้เสนอเลย
แต่ถ้าน้ำเน่าเสียทั้งหมด
ชีวิตรอบเขื่อนเป็นอัมพาต การท่องเที่ยวสะดุด
ปัญหาจอกหูหนูที่เขื่อนกิ่วลมอาจเริ่มมีสื่อเห็นความสำคัญ
มหันตภัยภัยเขียวที่เขื่อนกิ่วลม
อยู่ห่างไกลจากเมือง ดังนั้น จึงต้องทำใจว่า แม้ปัญหาน้ำเน่าเสีย ตื้นเขิน
ส่งกลิ่นของสายน้ำวังอยู่ใจกลางเมืองแท้ๆ กว่าจะปลุกให้คนลำปางตื่นจากหลับใหล
กว่าจะทำให้เทศบาลนครลำปาง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าใจว่า
ภาพสายน้ำที่เจ็บป่วยเรื้อรังตรงหน้านั้น เป็นหน้าที่ที่จะต้องเยียวยารักษาก็ใช้เวลา
ใช้ความพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งในรูปแบบของข่าว บทความ การวิพากษ์วิจารณ์
ครั้งนี้จึงต้องพยายามมากขึ้นเป็นร้อยพันเท่าทวีคูณ
น่าสนใจว่าคุณภาพ “คน” ของคนลำปางจัดอยู่ในระดับการพัฒนาสูงเทียบเท่าจังหวัดใหญ่
อย่างเชียงใหม่
โดยการสำรวจการพัฒนาคนของประเทศไทย 2557 ของสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
(UNDP)
ชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าและพัฒนาของมนุษย์ระดับจังหวัด (Human
Achievement Index)
ถึงแม้ผลสำรวจครั้งนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการจอกหูหนูที่เขื่อนกิ่วลม
แต่ก็น่าสงสัยว่าศักยภาพของคนลำปางที่ไม่ได้เปล่งประกายออกมาในทุกเรื่อง
รวมทั้งการสำนึกรักบ้านเกิดและหวงแหนทรัพยากรท้องถิ่น เป็นเพราะตัวเขาเอง
หรือผู้นำที่ไร้ความสามารถ
ผิดกับคนพะเยา
ก่อนหน้านี้วัชพืชและผักตบชวา พันธุ์พืชน้ำต่างถิ่นที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วใน ‘กว๊านพะเยา’ แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตของเมืองพะเยาก็
ไม่แตกต่างจากจอกหูหนูในเขื่อนกิ่วลม แต่ด้วยความร่วมมืออย่างแข็งขัน
ภายใต้การนำของพ่อเมืองพะเยา ไม่นานปัญหาก็คลี่คลาย
พวกเขาได้กำลังเจ้าหน้าที่จากเทศบาลเมืองพะเยา
สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา
จังหวัดทหารบกพะเยา
และกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดพะเยาที่ 2 พร้อมด้วยเครื่องจักรกล รุดหน้าลงพื้นที่เข้าทำการกำจัดวัชพืชและผักตบชวาที่แพร่กระจายอยู่เต็มกว๊านพะเยาเป็นจำนวนมาก
ซึ่งเป็นการทำลายทัศนียภาพที่สวยงาม ส่งผลให้กว๊านพะเยาตื้นเขิน น้ำเสีย
ผลผลิตและจำนวนสัตว์น้ำลดลง
และในห้วงเวลาที่เริ่มย่างเข้าฤดูหนาว
ฤดูแห่งการท่องเที่ยวทางภาคเหนือ
จังหวัดพะเยาจึงได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ปรับทัศนียภาพของเมืองพะเยา
โดยเฉพาะกว๊านพะเยา สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด
นอกจากการปรับปรุงทัศนียภาพกว๊านพะเยา
จังหวัดยังได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของสถานที่พัก โรงแรม เกสต์เฮาส์ ร้านอาหาร
และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญไว้รองรับนักท่องเที่ยว
พร้อมทั้งเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดพะเยา
โดยเฉพาะทัศนียภาพที่สวยงามของกว๊านพะเยายามพระอาทิตย์อัสดงที่เชื่อว่าสวยที่สุดในเมืองไทย
ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังได้ประสานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคฯ
และเทศบาลเมืองพะเยา ในการนำสายไฟฟ้าเก็บไว้ใต้ดินเพื่อทัศนียภาพที่สวยงามของกว๊านพะเยาด้วย
มองเขาแล้วมองเรา
แค่กำจัดจอกหูหนูให้หมดไปจากเขื่อนกิ่วลม ไม่คิดถึงการระดมทหารในพื้นที่มาช่วย
ไม่คิดถึงการสร้างจิตสำนึกร่วมของคนลำปางที่เห็นว่า
การระบาดของจอกหูหนูที่เขื่อนกิ่วลมเป็นปัญหาของคนลำปางทั้งหมด
ไม่คิดถึงการนำซากจอกหูหนูไปหมักเป็นปุ๋ยอินทรีย์
ไม่คิดนำไปเป็นอาหารเสริมของฟาร์มเพาะพันธุ์เห็ด
และไม่เคยคิดแม้แต่จะเคลื่อนย้ายตัวเองออกจากเมืองไปดูปัญหาด้วยตาตัวเอง
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 997 ประจำวันที่ 26 กันยายน - 2 ตุลาคม 2557)