วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

ฟุตบาทข้า ใครอย่าแตะ !


เหมือนมีกฎหมายเขียนไว้ว่าพื้นที่ผิวทางสาธารณะย่านอาคารพาณิชย์ใด ให้ผนวกรวมเข้ากับที่ดินของเจ้าของอาคารนั้น ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องชอบธรรม ที่เจ้าของร้านค้า อาคารพาณิชย์ ทั้งหลายจะขยายอาณาจักรกินพื้นที่ทางเท้า เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายก็ยอมรับเป็นธรรมเนียมปฎิบัติ ในทางกฎหมายจริงๆ แทบจะเรียกได้ว่าได้แสดงความเป็นเจ้าของที่ดิน จนถึงขั้นอาจครอบครองปรปักษ์ แปลว่า จะได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยอำนาจของกฎหมาย

ถึงแม้ว่า ในความเป็นจริง จะมีกฎหมายกำหนดเขตกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดไว้ชัดเจนแล้วก็ตาม แต่...

กฎมีไว้แหกคำพูดเล่นๆเมื่อนานมาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นจริงสำหรับสังคมในทุกวันนี้เสียเหลือเกิน โดยเฉพาะเรื่องใกล้ตัวเราอย่างเรื่องการใช้ประโยชน์จากพื้นผิวถนน ฟุตบาท 

พื้นที่บนฟุตบาทถูกผนวกรวมเป็นหน้าร้าน พื้นที่บนถนนสาธารณะถูกจับจองเป็นพื้นที่ส่วนตัวใช้ในการวางของค้าขาย  บางบ้านเขียนข้อความแสดงความเป็นเจ้าของบนฟุตบาทสาธารณะ ห้ามจอดรถกีดขวาง หรือการนำกรวย นำเก้าอี้มาตั้งวางริมถนนเพื่อยึดถนนหลวงเป็นที่จอดรถส่วนตัว สำหรับลูกค้าเท่านั้น 

การแสดงความเป็นเจ้าของบนพื้นที่สาธารณะเหล่านี้ ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเป็นความผิด แต่ก็เป็นความผิดที่เห็นจำเจ จนยอมรับกันโดยปริยายว่า ทำได้ไม่ผิด คล้ายผู้ที่ทำผิดจะท้าทายผู้รักษากฎ

เทศบาล ผู้บริหารท้องถิ่น เทศกิจ รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐคนสำคัญที่มีหน้าที่รักษากฎหมาย คือตำรวจ ต่างคนต่างทำมาหากิน กินตามน้ำ กินตามด่าน กันไป โดยไม่สนใจหน้าที่ ชาวบ้านตาดำๆ เดินถนนก็ไม่มีกำลังจะไปว่ากล่าวหรือเรียกร้องให้ตำรวจไม่เลือกปฏิบัติ เพราะในหลายครั้งคนทำมาหากิน หาเช้ากินค่ำ กลับเป็นกลุ่มคนที่เจ้าหน้าที่รัฐเอาจริง เอาจัง เข้มงวดในการรักษากฎหมาย ในขณะที่ชาวบ้านระดับอภิสิทธิ์ชน ผู้หลักผู้ใหญ่หรือนายทุนดูเหมือนใช้กฎหมายคนละฉบับ ยึดทางเท้าทางฟุตบาทเป็นที่ทางทำมาหากิน เก็บค่าเช่าที่สาธารณะเข้ากระเป๋า ทำผิดท้าทายกฎหมายอย่างไร ก็สุขสบาย ปลอดภัย เพราะทำหน้าที่ส่งส่วยสาอากรเสมอต้น อย่างเสมอปลาย

ทุกวันนี้ชาวบ้านอยู่ในสถานการณ์ที่รู้ตัวว่าถูกละเมิดแต่ไม่สามารถทำอะไรได้

ลานนาโพสต์เคยนำเสนอภาพข่าวการยึดฟุตบาท ย่านรอบโรงเรียน หน้าโรงพยาบาล พ่อค้าแม่ขายยึดฟุตบาตขายของ เบียดทางเดินจนคนเดินเท้าต้องใช้ถนน ฟุตบาท กลายเป็นที่จอดรถ ริมถนนที่จอดรถได้ก็นำหลักมาขวาง ติดป้ายว่าห้ามจอดยึดครองหน้าตึกที่เป็นที่สาธารณะเป็นของตัวเอง เสนอข่าวทีก็จัดระเบียบกันเสียที จนทุกวันนี้สังคมเริ่มไร้ระเบียบ และที่เลวร้ายความนั้นคือผู้ที่ดูแลกฎระเบียบไม่ใส่ใจ ไม่ให้ความสำคัญ

ห้างใหญ่ใจกลางเมือง หรือแม้แต่ซุปเปอร์มาร์เก๊ตท้องถิ่นบางรายก็ยังฉวยโอกาส ยึดฟุตบาทมาครองเหมือนเป็นพื้นที่ส่วนตัว ใครจะขายของต้องไปขออนุญาตขอเจ้าที่เจ้าทาง มีเครื่องหมายจราจรทาสีขาวเหลืองที่ฟุตบาท มีป้ายห้ามจอดซ้อนคัน แต่ก็ยังฝ่าฝืนโดยที่จราจรก็มองไม่เห็นเหมือนถูกมนต์สีเทาสะกด

จะว่าไป พฤติกรรมที่กล่าวถึงนี้มีความผิดอาญา ทั้งจำและปรับ แต่ในเมื่อผู้คุ้มกฎไม่ดูแลกฎจึงไม่มีการจับการปรับ จนในที่สุดใช้ชาวบ้านที่เข้าถึงเทคโนโลยีจึงอาศัยโซเชียลมีเดียโพสต์ประจาน ผ่านเฟสบุ๊ค อย่างล่าสุดเมื่อไม่กี่วันมานี้ มีการโพสต์รูปเหตุการณ์ที่มีคนแวะเวียนไปซื้อของที่ตลาดสดพระบาท จอดรถไว้ที่หน้าอาคารพาณิชย์สักครู่ พอกลับมาพบว่าถูกเขียนด้วยปากกาเมจิก ว่า มาร้านไหนก็ไปจอดที่ร้านนั้นจากนั้นก็เกิดกระแส Share สะพัด กลายเป็นกระแสสังคมแม้แต่เว็บดังหลายเว็บก็นำไปเป็นประเด็น เตือนภัยสังคมอยู่ยากเพราะไร้น้ำใจ

เจ้าหน้าที่ก็ละเลย เจ้าของห้างฯ ร้านค้าทั้งหลาย ก็วิสาสะเอาของหลวงมาใช้ประโยชน์ส่วนตัว มนุษย์พันธุ์เห็นแก่ตัวจึงดาษดื่นทั่วสองข้างทาง


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 997 ประจำวันที่ 26 กันยายน - 2 ตุลาคม  2557)


Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์