รองนายแพทย์สาธารณะสุขจังหวัดลำปาง
ยืนยัน ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด H1N1 หรือไข้หวัดใหญ่
2009 ที่มีรายงานพบว่าในพื้นที่จังหวัดลำปางพบมากที่สุดนั้น
สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่าได้ตื่นตระหนกเพราะเป็น ไข้หวัดที่มีความเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตเพียงแค่
5% และในพื้นที่จังหวัดลำปางยังไม่มีการเสียชีวิตสักรายเดียว
จากกรณีที่สำนักระบาดวิทยา
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยข้อมูลการเฝ้าระวังโรค
เกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ชนิด H1N1 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.57 ถึง 15 ก.ย.57 โดยจังหวัดลำปางมีอัตราการป่วยต่อแสนประชากรสูงสุดเป็นอันดับ
1 ของประเทศ อัตราป่วย 332.11 ต่อแสนประชากร
ส่วนรองลงมา คือ ระยอง ภูเก็ต เชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร ตามลำดับ ซึ่งทางภาคเหนือส่วนใหญ่จะพบในกลุ่มอายุ 7-9 ปี มากที่สุด รองลงมาคือ 10-14 ปี และ 25-34 ปี
ในเรื่องดังกล่าว
นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน กล่าวว่า
จากสถิติการเฝ้าระวังเรื่องโรคไข้หวัดใหญ่ของประเทศไทย
พบว่าจังหวัดลำปางดูเหมือนจะมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ค่อนข้างสูงในระดับประเทศ
แต่ยังไม่พบว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิตในจังหวัด ซึ่งการเกิดโรคนี้เป็นการเกิดไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลไม่มีความรุนแรง
ข้อสงสัยว่าเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ H1N1 ยังไม่ปรากฏว่ามี
สรุปคือถ้าดูจากสถิติการเฝ้าระวัง ซึ่งลำปางมีการเฝ้าดูอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง
เจ้าหน้าที่ที่คัดกรองผู้ป่วยและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจจะมีผู้ป่วยไข้หวัดที่เข้ามารับการรักษาที่โรพงยาบาล
สถานพยาบาลของรัฐ มากกว่าที่อื่น จึงทำให้มีอุบัติการณ์การป่วยสูง
แต่ขอย้ำว่าไม่มีความรุนแรง
สำหรับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
H1N1
มักจะเกิดในกลุ่มคนยังไม่มีภูมิต้านทาน ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็มีโอกาสที่จะเกิดการแทรกซ้อนได้มาก
ในกลุ่มที่อ่อนแอ เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ
มีโรคประจำตัว สถิติปีที่ผ่านมาพบว่ามีอาการป่วยรุนแรงได้ร้อยละ 5 เท่านั้น อาการก็จะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป จะมีไข้สูง
2-3 วันติดต่อกัน
ปวดกล้ามเนื้อ มีน้ำมูก
หากมีอาการป่วยทานยาวันสองวันแต่ไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์ทันที ในรอบปีที่ผ่านมา
จ.ลำปางก็ได้มีการรณรงค์ให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลครอบคลุมตามกลุ่มเป้าหมายได้เกือบ
100 เปอร์เซ็นต์
ดังนั้นแม้ว่าจะมีอุบัติการณ์สูงแต่ไม่มีเคสที่รุนแรง
ตอนนี้ถือว่าไม่อันตราย
นพ.ประเสริฐ
กล่าวอีกว่า โรคไข้หวัดใหญ่มักจะเกิดในช่วงปลายฝนต้นหนาว
ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษเพราะจะมีการเปลี่ยนแปลงของอากาศสูง
ประชาชนต้องดูแลสุขภาพตัวเอง รักษาร่างกายให้อบอุ่น ทานอาหารที่มีประโยชน์
ใครมีอาการป่วยต้องหลีกเลี่ยงการออกพบผู้คนจำนวนมาก ถ้าจำเป็นให้ใช้หน้ากากอนามัย
เพื่อป้องกันการระบาดของโรค
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 997 ประจำวันที่ 26 กันยายน - 2 ตุลาคม 2557)