ลำปางบุกรุกป่าเพิ่มขึ้นมากถึง
5 เท่าตัว 4 เดือนตรวจยึดได้กว่า 2,000 ไร่ ขณะที่การตรวจยึดไม้เถื่อนลดลงจาก
3 เดือนแรกของปี สรุปยอดเดือน เม.ย.ถึง
ก.ค.ยึดไม้ท่อนและแปรรูปได้ 6,376 ท่อน/แผ่นเหลี่ยม
เมื่อเดือน พ.ค. 57 ที่ผ่านมา
ลานนาโพสต์ได้รวมรวบข้อมูลการจับกุมคดีการลักลอบตัดไม้จากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จ.ลำปาง ในช่วง 3 เดือนแรกของปี คือ ม.ค.
ก.พ. และมี.ค. พบว่ามีการลักลอบตัดไม้จำนวนมากกว่า 8,000
ท่อน/แผ่นเหลี่ยม เมื่อเทียบกับช่วง 5
ปีที่ผ่านมา ในรอบ 1 ปี มีการตัดไม้ทำลายป่า 18,926
ท่อน/แผ่นเหลี่ยม และขณะนี้สถานการณ์การตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่
จ.ลำปาง ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น
ตชด. ทหาร ตำรวจ ป่าไม้
และฝ่ายปกครองในพื้นที่ก็ยังคงออกทำงานกวาดล้างจับกุมอย่างไม่ลดละเช่นกัน
และสามารถตรวจับไม้เถื่อนได้ทุกเดือน ในขณะที่ไม่สามารถจับกุมตัวการได้เช่นเคย
ลาน
นาโพสต์ได้รวบรวมการสรุปผลการตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการ
ป่าไม้ในส่วนรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่
จังหวัดลำปาง
ในช่วง 4 เดือน ระหว่างเดือน เม.ย.ถึงเดือน ก.ค.ซึ่งพบว่ายอดการตรวจยึดไม้ลดลงจาก 3 เดือนแรกมากพอสมควร ในขณะที่การรุกพื้นที่ป่าเพิ่มมากขึ้นถึง
5 เท่า
เดือน เม.ย.
ตรวจยึดได้ทั้งหมด 49 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 4 คน
แยกเป็น คดีตรวจยึดไม้ 44 คดี ของกลางไม้สักท่อน 39 ท่อน ไม้สักแปรรูป 65 แผ่น/เหลี่ยม ไม้กระยาเลยท่อน 196 ท่อน ไม้กระยาเลยแปรรูป
406 แผ่น/เหลี่ยม รถตู้ 1 คัน รถกระบะ 4
ล้อ13 คัน รถไถนาเดินตาม 1 คัน รถจักรยานยนต์ 27 คัน เลื่อย โซ่ยนต์ 15 เครื่อง เครื่องยนต์ต้นกำลัง 1
เครื่อง ล้อเข็น 3 คัน มูเลย์พร้อมเพลา 1 ชุด ใบเลื่อย วงเดือน 1 ใบ สายพาน 1 เส้น
ลูกกลิ้ง 1 อัน และเป็นคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
จำนวน 5
คดี พื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถางรวม 38
ไร่ 45 ตารางวา คือ อ. เสริมงามสูงสุด 3 คดี 26 ไร่ 2 งาน 63 ตารางวา
ส่วนเดือน พ.ค. ตรวจยึดทั้งหมด 62 คดี จับผู้ต้องหาได้ 6 คน
เป็นคดีตรวจยึดไม้/สัตว์ป่า 44 คดี
ของกลางไม้สักท่อน 117 ท่อน ไม้สักแปรรูป
98 แผ่น ไม้กระยาเลยท่อน 145 ท่อน ไม้กระยาเลยแปรรูป 586 แผ่น ซากหมู่ป่า 1 กก. รถยนต์บรรทุก 6
ล้อ 1 คัน รถกระบะ 6 คัน รถ จยย.15 คัน
มอเตอร์ไฟฟ้า 3 เครื่อง เลื่อย โซ่ยนต์ 2 เครื่อง ล้อพ่วงรถไถ 4 ล้อ 1 คัน
อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก
กระสุนปืน 6 นัด แบตเตอรี่ 1 ชุด มีด 1 เล่ม จอบ 1 เล่ม ใบเลื่อย วงเดือน 1
ใบ เสาคอนกรีต 10 ต้น ส่วนคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน
12 คดี รวมพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถาง 109
ไร่ 29 ตารางวา
โดย อ.งาว รุกป่ามากสุด 36 ไร่ 1 งาน 24 ตาราง รองลงมาคือ อ.แม่ทะ 35 ไร่ 1 งาน 55 ตารางวา
สำหรับเดือน มิ.ย.
ตรวจยึดได้ทั้งหมด 101 คดี แยกเป็น คดีตรวจยึด
ไม้ 64 คดี ได้ผู้ต้องหา 2 คน ไม้สักท่อน
418 ท่อน ไม้สักแปรรูป 915
แผ่นไม้กระยาเลยท่อน 240 ท่อน ไม้กระยาเลยแปรรูป 2,457 แผ่น ตรวจสอบอายัดบ้าน 14 หลัง (อ.แจ้ห่ม 13 หลัง, อ.เสริมงาม 1 หลัง) รถแทรกเตอร์ 1 คัน รถยนต์
3
คัน รถจักรยานยนต์ 4 คัน เลื่อยโซ่ยนต์ 13
เครื่อง เชือก 1 เส้น ผ้าใบคลุมรถ 1 ผืน ล้อเข็น
1 คัน และคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน
37 คดี พื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถางรวม 619 ไร่
3 งาน 19
ตารางวา โดยที่ อ.แจ้ห่ม จับกุมได้สูงถึง 31
คดี พื้นที่ 511 ไร่ 2
งาน 30 ตารางวา
อ. เกาะคา 3 คดี พื้นที่ 66 ไร่
50 ตารางวา อ.เมืองปาน 1 คดี 44 ไร่
3 งาน 66
ตารางวา และ อ.งาว 2 คดี 37 ไร่
73 ตารางวา
และเดือน ก.ค.
ตรวจยึดรวม 60 คดี เป็นคดี ไม้ 21 คดี
ผู้ต้องหา 2 คน ของกลางไม้สักท่อน
89 ท่อน ไม้สักแปรรูป 85 แผ่น
ไม้กระยาเลยท่อน 28 ท่อน ไม้กระยาเลยแปรรูป
518 แผ่น นกปรอดหัวโขน 6 ตัว รถยนต์ 1 คัน รถไถล้อยาง 1 คัน ปืนแก๊ป 1 กระบอก ท่อคอนกรีต อัดแรง 6 ท่อ
ล้อเข็น 1 คัน กรงนก
6
กรง และคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน
39 คดี พื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถาง
1,254 ไร่ 2 งาน
38 ตารางวา อ.งาว รุกป่ามาถึง 560 ไร่
2 งาน 06
ตารางวา รวม 14 คดี
ส่วน อ.แม่พริก มี 4 คดี แต่พื้นที่มากถึง 381 ไร่
1 งาน 13
ตารางวา อ. เมืองลำปาง 2 คดี 128 ไร่
2 งาน 18
ตารางวา อ. เมืองปาน 8 คดี 113
ไร่ 2 งาน
32 ตารางวา อ. เกาะคา 8 คดี 49 ไร่ 2 งาน 96 ตารางวา และ อ.แม่เมาะ 3 คดี 20 ไร่ 3
งาน 73
ตารางวา
รวมทั้ง 4 เดือน ตรวจยึดไม้หวงห้ามได้ทั้งหมด 1,246 ท่อน 5,130 แผ่นเหลี่ยม ส่วนคดีบุกรุกป่ายึดพื้นที่ได้กว่า 2,020 ไร่
ทั้งนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยจังหวัดลำปาง
ครั้งที่ 8/2557 วันที่ 29 ส.ค.57 ที่ผ่านมา ได้สรุปว่าการตรวจยึดพื้นที่เพิ่มขึ้นนั้น
มีผลจากการปฏิบัติสอดคล้องตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คำสั่งที่ 64/2557
โดยพื้นที่ที่ตรวจยึดคืนได้จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชุมชน
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่
เพื่อดำเนินการปรับปรุงฟื้นฟูสภาพพื้นที่ให้เป็นป่าชุมชนต่อไป ทั้งนี้ จะต้องประสานสำนักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น
(สถ.) ช่วยดูอีกทางหนึ่ง
ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามามีส่วนช่วยเหลือได้อย่างมาก แต่หากยกเลิกกฎอัยการศึกไปแล้ว
ทุกหน่วยต้องช่วยกันติดตามดูแลอย่างต่อเนื่องด้วย
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1000 ประจำวันที่ 17 - 23 ตุลาคม 2557)