ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ
และกลุ่มรักษ์บ้านแหง อ.งาว กว่า 100 คน
ในนามสหพันธุ์เกษตรกรภาคเหนือยื่นหนังสือถึง คสช.ผ่านผู้ว่าฯ ขอให้ตรวจสอบการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าทำเหมืองแร่
พร้อมทั้งยื่นเรื่องติดตามความคืบหน้ากรณีความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ
ทั้งนี้ นายฤทธิพงษ์ เตชะพันธุ์
รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นผู้รับหนังสือแทน
โดยกลุ่มชาวบ้านได้อ่านแถลงการณ์ก่อนจะยื่นหนังสือ
โดยมีข้อเสนอที่สำคัญให้กับรัฐบาล 3 ประเด็นด้วยกัน คือ 1.ให้ยุติแผนแม่บทในการแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้การบุกรุกที่ดินของรัฐและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
เพื่อทบทวนและสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการวางแนวทางการแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ 2.ให้กระทรวง ทบวง กรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำแผนงาน เพื่อเร่งรัดการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล
เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ดินอย่างเป็นรูปธรรม
และ3.ให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.)
อย่างเร่งด่วน
น.ส.แววรินทร์ บัวเงิน แกนนำกลุ่มรักษ์บ้านแหง อ.งาว กล่าวว่า
ขณะนี้บริษัทเขียวเหลืองยังคงได้รับใบอนุญาตป่าไม้เพื่อเข้ามาทำเหมืองแร่ในเขต
ต.บ้านแหง
ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าใบอนุญาตไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ได้ออกใบอนุญาตตามระเบียบของกรมป่าไม้ในข้อ 8(5)
ระบุว่าต้องไม่ขัดแย้งกับราษฎรในพื้นที่
ซึ่งราษฎร หมู่ 1 และหมู่ 7 ที่เป็นที่ตั้งของพื้นที่ออกใบอนุญาตยืนยันว่าป่าไม้ไม่มาแก้ปัญหาใดๆ
จึงถือโอกาสยื่นเรื่องถึง คสช. เนื่องจากมีคำสั่งฉบับที่ 66/2557
เรื่องปราบปรามและการหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ โดย คสช.มีเจตนารมณ์
ที่จะปราบปรามนายทุน ผู้มีอิทธิพล
และกลุ่มขบวนการลักลอบตัดไม้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
ซึ่งเน้นย้ำว่าการดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าวต้องไม่กระทบต่อประชาชนผู้ยากไร้
ผู้มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่ดินทำกิน
ซึ่งได้อาศัยอยู่พื้นที่เดิมนั้นๆก่อนมีผลบังคับใช้
เพื่อให้ช่วยเหลือในการตรวจสอบการเข้ามาใช้พื้นที่ป่าเพื่อการทำเหมืองแร่ของงบริษัทเขียวเหลืองดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน
ทางกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
เพื่อขอทราบความคืบหน้ากรณีร้องขอความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะด้วย โดยได้แนบสำเนาหนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีทำเนียบรัฐบาล
ที่ นร.0105/42437 และสำเนาหนังสือเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ
ลงวันที่ 23 ก.ค.57 เรื่องร้องขอความอนุเคราะห์สั่งการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ
มาประกอบด้วย
ได้มีหนังสือร้องเรียนไปยังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ขอให้มีคำสั่งให้ กฟผ.เร่งจ่ายค่าสินไหมชดเชยตามที่ศาลสั่งให้กับชาวบ้าน
ผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จำนวน
318 ราย รวมทั้งตรวจสอบการใช้จ่ายเงินกองทุนรอบโรงไฟฟ้า จำนวนปีละกว่า 360 ล้านบาท และตรวจสอบทรัพย์สินของรัฐที่ซื้อคืนจากราษฎรภายหลังการอพยพราษฎร
4 หมู่บ้าน ที่หายไปโดยไม่มีผู้รับผิดชอบ ต่อมาได้รับหนังสือตอบกลับมาเมื่อวันที่ 31 ก.ค.57 จากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีว่าได้ส่งเรื่องนี้ให้ทางกระทรวงพลังงานและจังหวัดลำปาง
ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบกรณีนี้ ซึ่งทางเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะได้ติดตามเรื่องนี้กับทางจังหวัดลำปางมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่
เรื่องกลับไม่มีความคืบหน้าและทางเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะเองก็ยังไม่
ได้รับการประสานงานและแจ้งผลการดำเนินการจากจังหวัดลำปางแต่ประการใด เกรงว่าเรื่องจะเงียบหายไปอีกจึงขอให้ทาง
คสช.ช่วยติดตามผลให้อีกครั้ง
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1000 ประจำวันที่ 17 - 23 ตุลาคม 2557)