เทคโนโลยี
การสื่อสารก้าวหน้าทันสมัย
จนไม่มีใครเชื่อว่า โนเกีย มือถืออันดับหนึ่งของฟินแลนด์
ที่ผู้ชายไทยล้อเล่นกันว่าเป็นยี่ห้อ โนกลัวเมีย จะถึงกาลอวสาน
หลังจากถูกซื้อไปแล้วเปลี่ยนชื่อ ไมโครซอฟท์โมบายไปเรียบร้อยโรงเรียนบิล
เกต เมื่อสมาร์ทโฟนเข้ามายึดครองพื้นที่อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
และเฉพาะสมาร์ทโฟนด้วยกันเอง ก็ยังแข่งกันทั้งราคาและศักยภาพ โดยมีไอโฟน
กับซัมซุง
เป็นคู่ชิงส่วนแบ่งการตลาด แต่ความก้าวหน้าทันสมัยนี้เอง
กลับเปิดโอกาสให้สังคมได้รู้จักมนุษย์ป้า มนุษย์ลุง ที่น่าชัง
ยกเว้นมนุษย์ป้าที่น่ารักบางคน
เมื่อราว 10 ปีที่ผ่านมา
ต้องเรียกว่ากลายเป็นยุคสมาร์ทโฟนไปซะแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คแล็ปท๊อปก็จัดว่าเป็นติ่งที่ขาดไม่ได้
แต่ด้วยพัฒนาการทางเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีการปล่อยอินเตอร์เนตความเร็วสูง 3G
4G ของผู้ให้บริการมือถือแต่ละค่ายต่างก็ออกโปรโมชั่นเย้ายวนผู้บริโภคตลอด
ประกอบกับสมาร์ทโฟนมีราคาตั้งแต่ถูกยันแพงให้เลือกใช้ตามสะดวก ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นสังคมก้มหน้า
นั่งก็ก้มหน้า เดินก็เดินจิ้มมือถือ
เรียกได้ว่าแทบจะอัพเดทข่าวสารข้อมูลกันตลอดเวลา
จาก
การที่เรามีโซเชียลมีเดียเป็นเพื่อนสนิทข้างกาย
เสพข้อมูลจนติดเป็นนิจ อัพสเตตัสกันเพลิดเพลินจนลืมใส่ใจความปลอดภัย
เช็คอินสถานที่แม้กระทั่งที่บ้านซึ่งหารู้ไม่ว่านั่นอาจจะนำพามิจฉาชีพมายัง
สถานพักพิงได้
อัพเรื่องราวส่วนตัวความคิดเห็นในทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามา
จนมีหลายปรากฏการณ์ที่แชร์กันสนั่นโลก
โดยไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องหลอก
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ข่าวฮอต
ประเด็นร้อนบนโลกโซเชียลคงตกอยู่ที่สายการบิน เพราะมีประเด็นทั้งจาก “มนุษย์ป้า” ที่กล่าวอ้างว่ามาสายไป 6 นาที แต่สายการบินไม่มีน้ำใจไม่ยอมผ่อนปรนให้ไปขึ้นเครื่อง และ “มนุษย์ลุง” ที่
โดนออฟโหลดจากแอร์เอเชียเหตุกระเป๋าขนาดเกินที่กำหนดให้นำขึ้นเครื่องได้
ทั้งสองเหตุการณ์ดูจะมาได้พอเหมาะพอเจาะในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันเหลือเกิน
ทั้งสองกรณีนี้ต่างได้ถูกสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ชนิดยับเยิน
โดยเฉพาะในเรื่องการไม่ทำตามกฏ การละเมิดข้อบังคับ
แถมยังใช้มือถืออัดคลิปเพื่อนำไปเผยแพร่ทางเฟสบุ๊คซึ่งสุดท้ายผลนั้นก็ตามมา
ถึงตัว
เพราะไม่ว่าจะเหตุผลใดภาพและเสียง
ข้อมูลและความเป็นจริงกลายเป็นหลักฐานที่ทำให้เรื่องกลับพลิกผัน
ทั้งสองรายโดยผู้คนในสังคมออนไลน์เข้าไปกระหน่ำแสดงความคิดเห็นในเชิงตำหนิ
ติเตียนในเฟสบุ๊คส่วนตัวจนแทบจะต้องปิดเฟสไปเลยก็ว่าได้
เรื่อง
ทั้งหมดทั้งมวลนี่
เกิดจากความมักง่ายของคน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่
เรื่องเหล่านี้มีมานานนมแล้วเพียงแต่ด้วยพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยน
ทำให้การแสดงความคิดเห็น อัดคลิปเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน
การมีพื้นที่เผยแพร่คลิปมันง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสก็แชร์เรื่องราวให้โลก
รับรู้ได้ในเสี้ยววินาที
และผู้คนนับล้านก็สแตนบายรอบริโภคข้อความตลอด 24 ชั่วโมง จึงทำให้เราได้รู้จักคำว่า
มนุษย์ป้า มนุษย์ลุง
มนุษย์ป้า มนุษย์ลุง
ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่เพิ่งถือกำเนิดมาแต่อย่างใด
แต่มันเริ่มนิยามกันมากขึ้นเมื่อเรามีพื้นที่ในโลกอิสระในการเล่าขวัญถึงพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ผ่านเฟสบุ๊ค
ทวิตเตอร์ อินสตราแกรม หรือสื่อโซเชียลมีเดียใดๆก็ตาม จนมีการบัญญัติคำนิยามและลักษณ์ของว่า
“มนุษย์ป้า” ว่าเป็นผู้หญิงรุ่นวัยกลางคน แต่งตัวดูสูงอายุ
ยึดถือตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกและสังคม เห็นแก่ตัวและไม่สนใจคนรอบข้างว่าจะรู้สึกอย่างไร
ต่อด้วยพฤติกรรมอันเป็นลักษณะพิเศษที่สามารถพบเห็นได้ของคนกลุ่มนี้ ได้แก่ มนุษย์ป้าคือผู้ถูกต้องเสมอ
มนุษย์ป้ามักจะขอแซงคิว แทรกคิว โดยอ้างความอาวุโสและปัญหาสุขภาพ เช่น ป้าแก่แล้วให้ป้าก่อนเถอะ
ชื่นชอบของแจกฟรี หยิบได้เท่าไหร่ ขนได้เท่าไหร่ ขอเอากลับบ้านให้หมด จะเป็นขยะในตอนหลังก็ช่างมัน
ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์สูงสุดของตัวเองไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ หากโดนเอาเปรียบจะโวยวายทันที เวลานั่งรถตู้โดยสารสาธารณะชอบนั่งตรงเบาะใกล้ประตู คนที่ขึ้นที่หลังก็ต้องเบียดเข้าไป
นำรถเข้าไปจอดในพื้นที่คนพิการ และอีกสารพัดพฤติกรรมที่ดูแล้ว
“แย่”
แต่
ที่แย่ไปกว่านี้คือ พฤติกรรมแบบที่เราเรียกว่า
มนุษย์ป้านี้ได้ถูกกล่าวขวัญจนมีกระแสว่าต่างประเทศเริ่มมีปฏิกิริยากับ
มนุษย์เผ่าพันธุ์นี้ที่ไปแสดงพฤติกรรมนี้ที่ต่างประเทศเมื่อยามได้ไปเยือน
แร็ค ลานนา ได้ทัศนาความคิดเห็นเหล่านี้จากเว็บดัง
ที่รวบรวมพฤติกรรมอันไม่น่าเชยชมของคนไทยที่ไปเที่ยว
ญี่ปุ่น เยอรมัน ออสเตรเลีย เกาหลี
และอีกหลายประเทศที่แม้แต่คนไทยด้วยกันยังส่ายหัว
ทำให้ย้อนคิดถึงสมัยเมื่อแร็ค ลานนา ยังเด็ก
เคยได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่พูดถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจากแผ่นดินใหญ่ที่
มักจะส่งเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย
กลายเป็นว่ามาวันนี้นักท่องเที่ยวไทยกำลังจากกลายเป็นที่เล่าขวัญในแบบที่
เราเคยว่าเขา
มนุษย์เผ่าพันธุ์นี้สูญพันธุ์ได้ไม่ยาก
เพียงแค่ทุกคนให้เกียรติและทำตามกฎกติกาของสังคม ไม่ฉาบฉวย มักง่าย เอาแต่ตัวเองสะดวกว่า
และใช้การมีน้ำใจแก่กัน เพียงแค่นี้มนุษย์ป้า และมนุษย์ลุง มนุษย์มักง่าย
ก็จะหายไปได้ แต่ทั้งหมดที่พูดมานี้ดูจะเป็นสังคมในอุดมคติเสียเหลือเกิน
เอาเป็นว่าเมื่อวันหนึ่งที่ แร็ค ลานนา
แก่ตัวขึ้น ขอสัญญาว่าจะเป็นมนุษย์ป้าที่น่ารักไม่ทำตัวเป็นภาระให้ถูกกล่าวขวัญ อย่างที่เป็นที่โจษจันในโลกอินเทอร์เนตแน่นอน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1001 ประจำวันที่ 24 - 30 ตุลาคม 2557)