ถึง
ชื่อเรียกขานคือจอกหูหนู
แต่เรื่องราวของจอกหูหนูไม่กระจอกเลย
มันเป็นภาพสะท้อนของความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพืชน้ำที่ส่งผล
กระทบอย่างใหญ่หลวงต่อผู้คน
การทำมาหากิน และสิ่งแวดล้อม
ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้เรียกร้องความสนใจจากทั่วทุกมุมโลกมานานนับ
10 ปี ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน ปรากฏการณ์เรือนกระจก
ที่ส่งผลให้น้ำแข็งขั้วโลกเริ่มละลายมากขึ้นทุกปี
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยๆนี้มนุษย์ที่อยู่บนบกอาจไม่เห็นการเปลี่ยน
แปลงมากนัก
จะเริ่มรู้สึกตัวอีกทีก็ต่อเมื่อเริ่มเห็นปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว
สัตว์น้ำนับหมื่นนักแสนพร้อมใจกันช็อคตายลอยล่องในผืนน้ำ
ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ฤดูกาลและสภาอากาศเปลี่ยนแปลง
เกิดฝนกรดส่งผลต่อการเพาะปลูก
การดำชีพ และอีกสารพันปัญหา แต่เรามักจะหลอกตัวเองและปล่อยปละละเลยปัญหา
ลูบหน้าปะจมูกในการดำเนินการอย่างเอาจริงเอาจังกับนายทุนที่ลักลอบตัดไม้
ทำลายป่า
ไม่เอาผิดกับข้าราชการ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่อยู่เบื้องหลังในการทำผิดกฎหมาย ไม่ใส่โรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยของเสีย
น้ำเน่า แก๊สพิษ ออกสู่สิ่งแวดล้อมโดยไม่ได้บำบัดตามกฎหมาย
ปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างจากการทุจริตคอร์รัปชั่นที่สามารถปกปิด
ซ่อนเร้น สร้างตัวเลข ปลอมแปลงเอกสารเท็จเพื่อไม่ให้ความจริงเปิดเผยได้ แต่ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้ห่างไกลจากชุมชน
มันจะค่อยๆก่อตัวทีละน้อย ก่อร่างสร้างตัวจนสำแดงเดช
และเมื่อปัญหาถึงจุดที่ต้องเปิดเผยตัวปิดยังไงก็ปิดไม่มิด
จะหลับหูหลับตาไม่รับรู้ปัญหาก็ไม่ได้เพราะมันมีผลกระทบกับผู้คนที่อาศัยอยู่แถวนั้น
เหมือนกับจอกหูหนูที่แพร่พันธุ์เกือบเต็มพื้นที่บริเวณผิวน้ำที่เคยใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
ล่องแพ
ดื่มด่ำกับทิวเขารอบๆกลับต้องเปลี่ยนโฉมด้วยภาพจอกหูหนูแพร่เต็มผิวน้ำรอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนถึงที่สันเขื่อนและท่าสำเภาทอง
“จอกหูหนู” วัชพืชน้ำที่สร้างปัญหาให้เขื่อนกิ่วลมมานานแรมปี หลายคนอาจจะคิดว่า ทำไมวัชพืชน้ำเล็กๆถึงได้เป็นที่รังเกียจของคนรู้จักกันมาก
เหตุใดลานนาโพสต์ถึงเป็นสื่อเดียวที่เฝ้าระวังติดตามปัญหาการแพร่กระจายของจอกหูหนูมาอย่างต่อเนื่อง
เหตุเพราะเราตระหนักถึงความร้ายกาจของจอกหูหนูภัยร้ายสีเขียว เพราะพืชชนิดนี้แพร่พันธุ์ง่าย
กระจายตัวเร็วและทนทานต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในสภาวะปัจจุบัน ถ้ามีในปริมาณที่เหมาะสมก็จะช่วยดูดสารพิษ
ทำให้น้ำสะอาดและเป็นอาหารของสัตว์น้ำ แต่หากมีปริมาณมากก็จะกลับเป็นผลร้าย
แสงอาทิตย์จะไม่สามารถส่องผ่านลงไปในน้ำได้ สาหร่ายใต้น้ำจะตายและเน่าเสีย
น้ำจะขาดออกซิเจน สัตว์น้ำจะเริ่มอยู่ไม่ได้และตายไปในที่สุด รวมทั้งจะเกิดการตื้นเขินจากการทับถมของจอกหูหนู
หากปล่อยให้ปัญหานี้เรื้อรังต่อไปเรื่อยๆ อาจจะส่งผลให้สูญเสียแหล่งน้ำนั้นๆไปในที่สุด
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา จังหวัดลำปางเป็นเจ้าภาพเป็นผู้ประสานให้หน่วยงานต่างๆมาร่วมลงขัน
ร่วมแรงร่วมใจร่วมกันหางบประมาณเครื่องจักรมาสนับสนุน โดยบอกว่าเสนอนโยบาย คลองสวย
น้ำใส คนไทยมีความสุข ของกระทรวงมหาดไทยที่ปล่อยโครงการนี้มา โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อระดมทรัพยากรและศักยภาพของทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย
รวมทั้งรัฐวิสาหกิจ จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เครือข่ายอาสาสมัครภาคประชาชน บูรณาการการทำงานร่วมกับทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
องค์กรการกุศล ภาคเอกชน สื่อมวลชน และพี่น้องประชาชนทั่วไป รณรงค์
ปรับปรุงสภาพแม่น้ำลำคลอง เขื่อนทดน้ำ ฝาย แหล่งน้ำสาธารณะต่างๆ
ทั่วประเทศ ให้สามารถใช้ประโยชน์ในการอุปโภค บริโภค เก็บกักน้ำ ระบายน้ำ
สัญจรทางน้ำ ประกอบอาชีพด้านการเกษตร ประมง
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ
รวมทั้งการนำผักตบชวาไปใช้ประโยชน์เพิ่มมูลค่าจากการทำปุ๋ย
อาหารสัตว์ และผลิตภัณฑ์ชุมชน นอกจากนั้นยังมีวัตถุประสงค์ที่จะใช้โครงการนี้ปลุกจิตสำนึก ให้ประชาชน เด็ก เยาวชน
และทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ บำรุงรักษา
และพิจารณาใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำต่างๆ อย่างเหมาะสม
ดูจะเป็นบุญของสัตว์น้ำ
ธรรมชาติที่อยู่ในเขื่อนกิ่วลมเหลือเกินที่โครงการมาได้จังหวะในช่วงเวลาที่จอกหูหนูเข้ามายึดผิวน้ำมาแรมปี
โดยคราวนี้จะปล่อยน้ำออกจากเขื่อนเพื่อระบายจอกเหมือนการแก้ปัญหาครั้งแรกเมื่อปลายเดือนมีนาคมก็ไม่ได้
เพราะสถานการณ์แล้งน้ำปีนี้ก็น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง การระบายน้ำแก้ปัญหาเป็นเพียงการแก่ปลายเหตุเพราะหลังจากนั้นได้ไม่นาน
กองทัพจอกหูหนูก็บุกมายึดผิวน้ำที่เขื่อนแห่งนี้อีกครั้ง คนที่ทำหน้าที่ตักจอก ก็ตักเช้า
ตักเย็น ท่ามกลางอากาศร้อนโดนไม่เห็นจุดสิ้นสุดของปัญหาในขณะที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนก็ต้องกลับไปพร้อมความผิดหวัง
ครั้งนี้จึงเป็นการเดิมพัน ระดมพล ระดมคน มาสู้ธรรมชาติที่ “ประจาน”
ผลของการกระทำของมนุษย์
ไม่
ว่าอย่างไรก็ตามปรากฏการณ์จอกหูหนูที่เบ่งบานนี้
ตามหลักวิชาการก็คือ ปรากฏการณ์ยูโทรฟิเคชั่น
มีข้อสันนิษฐานตามหลักวิชาการอยู่ไม่กี่อย่าง แต่ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา
เราก็ยังแก้ปัญหาที่จุดเดิมคือการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
นักวิชาการมากความสามารถ
ลำปางก็ไม่น้อยหน้าจังหวัดอื่น แต่หลายฝ่ายยังทำเหมือนธุระไม่ใช่ทั้งที่
กิ่วลม
เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของลำปางที่เรามักจะแนะนำญาติมิตรสนิทกันให้มาเที่ยว
แลนด์มาร์คลำปางที่วันนี้ถูกปกคลุมไปด้วยจอกหนาทึบ
ไม่ต่างไปจากเมืองที่อยู่ในหมอกหนา
คงต้องลุ้นระทึกว่าการร่วมแรงครั้งนี้จะไล่จอกหูหนูพ้นผืนน้ำกิ่วลมหรือไม่
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1002 ประจำวันที่ 31 ตุลาคม - 6 พฤศจิกายน 2557)