อดีตผู้ใหญ่บ้านรับกรรม
ฐานใส่ร้ายไพฑูรย์ โพธิ์ทอง ซื้อเสียงเมื่อปี 47 จนทำให้เด้งจากเก้าอี้นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร
ล่าสุดศาลฎีกาพิพากษาอดีตผู้ใหญ่บ้านจำคุก 4 ปี 8 เดือนไม่รอลงอาญา
จากกรณีนายไพฑูรย์
โพธิ์ทอง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร หัวหน้ากลุ่มพัฒนาเมืองเขลางค์นคร ถูกร้องเรียนเรื่องการซื้อเสียงเมื่อปี
2547 เป็นเหตุให้นายไพฑูรย์
ได้ใบเหลืองและต้องถูกปลดจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร หลังจากที่เข้าไปทำหน้าที่ในตำแหน่งนายกเทศมนตรีได้เพียง
3 เดือน 19 วันเท่านั้น โดยนายไพฑูรย์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดลำปาง
เรื่องการที่ตนเองถูกแจ้งข้อความเท็จ โดยศาลชั้นต้นได้ตัดสิน
คดีของนายเจริญ แก้วก้อ อดีตผู้ใหญ่บ้านไร่ข่วงเปา หมู่ 11 ต.ปงแสนทอง ให้จำคุก 4
ปี 8 เดือน แต่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้องคดีของนายน้อย ใจละออ นายไพฑูรย์จึงได้ยื่นอุทธรณ์ไปยังศาลจังหวัดลำปางอีกครั้ง จนกระทั่งในวันที่ 25 พ.ย.52 เวลา 09.00 น.ศาลจังหวัดลำปาง
ได้อ่านคำพิพากษาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชียงใหม่
ซึ่งได้พิพากษาให้นายน้อย ใจละออ
อดีตผู้ใหญ่บ้านไร่นาน้อย หมู่ 5 ต.ปงแสนทอง จำคุกเป็นเวลา 7 ปี
โดยไม่รอลงอาญา และตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 20 ปี โดยนายน้อย
ได้ยื่นศาลฎีกาและศาลฎีกาได้ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นจึงรอดจากคดีไป ส่วนนายเจริญได้ยื่นอุทธรณ์คดี
แต่ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ได้ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น จึงได้ยื่นศาลฎีกาอีกครั้ง
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 พ.ย.57 ที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้ตัดสินคดีของนายเจริญ แก้วก้อ พิพากษาให้ยืนตามศาลชั้นต้น คือจำคุก 4 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา
และตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 20 ปี โดยนายไพฑูรย์ โพธิ์ทอง ได้กล่าวว่า ความยุติธรรมและความถูกต้องยังมีจริง
คนที่กล่าวหาว่าตนเองซื้อเสียงเมื่อวันที่ 2 พ.ค.2547 ได้ถูกศาลตัดสินจำคุก 4 ปี 8
เดือน ถึงแม้จะรอผลการตัดสินมานาน แต่ก็เห็นว่าความยุติธรรมยังมีอยู่
ทำให้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อไปด้วยความถูกต้อง
ทั้งเรื่องเดิม
เมื่อปี 2547 หลังจากที่นายไพฑูรย์ โพธิ์ทอง ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร
เมื่อวันที่ 2 พ.ค.47 ที่ผ่านมา และได้รับรองผลเลือกตั้งในตำแหน่งนายกเทศมนตรี
พร้อมกับ สท.ทั้ง 3 เขต จาก กกต.กลาง วันที่ 15 มิ.ย.47 ต่อมาในวันที่ 22 มิ.ย.47 ได้มีหนังสือแจ้งรายละเอียดข้อกล่าวหาจาก
สนง.กกต.ลำปาง เพื่อให้นายไพฑูรย์ส่งรายชื่อพยานและรายละเอียดตามข้อกล่าวหาทั้งหมด
ซึ่งร้องเรียนเรื่องซื้อเสียงเลือกตั้ง จำนวน 15 ข้อ แต่ผลปรากฏว่า กกต.กลางได้ตัดสินให้ใบเหลืองกับนายไพฑูรย์
เนื่องจากมีพยานให้ข้อมูลว่านายไพฑูรย์ซื้อเสียงจริง
สำหรับข้อกล่าวหาที่เป็นเหตุให้นายไพฑูรย์ได้รับใบเหลืองในการเลือกตั้ง
มีอยู่ 2 ข้อด้วยกัน คือ ข้อแรก เมื่อวันที่ 28 เม.ย.47 นายไพฑูรย์ โพธิ์ทอง กับนายสมเพชร ชมพูศรี
และผู้สมัคร สท.เมืองเขลางค์ กลุ่มพัฒนาเมืองเขลางค์นคร นำเงินจำนวน 500 บาท
ไปซื้อเสียงที่บ้านเลขที่ 140 หมู่ 5 ต.ปงแสนทอง อ.เมืองลำปาง
ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับตนเองกับพวก ซึ่งภายหลังตนสืบทราบว่าบ้านหลังดังกล่าว มีนายน้อย ใจละออ
อดีตผู้ใหญ่บ้านไร่นาน้อย หมู่ 5 เป็นเจ้าบ้าน
ส่วนข้อสองได้กล่าวหาว่า นายประพันธ์ ใจสาร และพวกอีก
1 คน ไม่ทราบว่าเป็นใคร นำเงินจำนวน 500 บาท ไปซื้อเสียงที่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 11
ต.ปงแสนทอง อ.เมืองลำปาง
เพื่อให้ลงคะแนนให้กับตนเองและพวก และทราบว่าเจ้าของบ้านคือ นายเจริญ แก้วก้อ เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านไร่ข่วงเปา หมู่ 11 ทั้งสองคนได้เป็นพยานว่านายไพฑูรย์ได้จ่ายเงินในการซื้อเสียงจริง
ต่อมานายไพฑูรย์ ได้ยื่นฟ้องนายน้อย
ใจละออ และนายเจริญ ใจก้อ ไปที่ศาลจังหวัดลำปาง เรื่องการแจ้งข้อความเท็จ
โดยศาลชั้นต้นได้ตัดสินคดีของนายเจริญ แก้วก้อ
อดีตผู้ใหญ่บ้านไร่ข่วงเปา หมู่ 11 ต.ปงแสนทอง ให้จำคุก 4 ปี 8 เดือน แต่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้องคดีของนายน้อย ใจละออ จึงได้ยื่นอุทธรณ์ไปยังศาลจังหวัดลำปางอีกครั้ง
จนกระทั่งในวันที่ 25 พ.ย.52 เวลา 09.00 น.ศาลจังหวัดลำปาง
ได้อ่านคำพิพากษาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชียงใหม่ ซึ่งได้พิพากษาให้นายน้อย ใจละออ อดีตผู้ใหญ่บ้านไร่นาน้อย หมู่ 5 ต.ปงแสนทอง
จำคุกเป็นเวลา 7 ปี โดยไม่รอลงอาญา และตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 20 ปี โดยนายน้อย
ได้ยื่นศาลฎีกาและศาลฎีกาได้ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นจึงรอดจากคดีไป ส่วนนายเจริญได้ยื่นอุทธรณ์คดี แต่ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ได้ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น
จึงได้ยื่นศาลฎีกาอีกครั้งกระทั่งศาลตัดสินให้ยืนตามศาลชั้นต้นดังกล่าว
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1003 ประจำวันที่ 7 - 13พฤศจิกายน 2557)