กุลธิดา
สืบหล้า...เรื่อง
ด้วยพื้นที่ราว 34 ไร่
1 งาน 72 ตารางวา
มากพอที่จะรองรับกิจกรรมอันหลากหลาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเย็นวันเสาร์-อาทิตย์
ซึ่งคลาคล่ำไปด้วยชาวเมืองทุกเพศทุกวัยที่มาใช้เวลาร่วมกัน
กลุ่มเดิน-วิ่งที่สลับกันมาทั้งช่วงเช้าและเย็น
กับระยะทางวงรอบสวน 775.25
เมตร ที่เรียกเหงื่อได้ดี
และอาจตบท้ายด้วยเครื่องออกกำลังกล้ามเนื้อเฉพาะส่วนที่มีอยู่หลายชนิด
กลุ่มแอโรบิกและดนตรีท่วงทำนองชวนขยับแข้งขาของพวกผู้หญิง
กลุ่มรำไทเก็กกับดนตรีบรรเลงที่ได้บรรยากาศแบบจีน เด็กน้อยที่มุมของเล่นสนาม
เด็กโตหน่อยเข้ากลุ่มโรลเลอร์เบรดแล่นฉิว ๆ อย่างสนุกสนาน
ส่วนคู่แบดมินตันก็จับจองพื้นที่ตีโต้ลูกขนไก่กันตามใจชอบ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่นัดกันมาซ้อมเต้น
หรือทำกิจกรรมกลุ่ม รวมถึงมีไม่น้อยที่แค่มานั่งเล่นหย่อนใจเงียบ ๆ มองดูอากัปกิริยาของผู้คนเพลิน
ๆ
ย้อนกลับไปในอดีต ที่นี่เคยเป็นสถานที่รวมขบวนส่งเสด็จสมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ
กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเสนาธิการกองทัพบก รวมถึงสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ
กล่าวกันว่า มีการจัดขบวนอย่างยิ่งใหญ่อลังการ
ทหารญี่ปุ่นยึดอาคารสำคัญ ๆ
ในตัวเมืองลำปาง โดยเฉพาะอาคารร้านค้าในกาดกองต้า และแน่นอน ข่วงโปโลแห่งนี้ก็กลายเป็นที่ตั้งกองทัพม้าของทหารญี่ปุ่นด้วย
เล่าต่อ ๆ กันมาว่า พวกเขาให้ม้าสวมแว่นตาสีเขียว
เพื่อหลอกม้าว่ามีหญ้าสีเขียวสดอยู่ทุกทิศทุกทาง ขณะที่โรงแรมทิพย์ช้างใกล้ ๆ
กันนั้น ถูกยึดเป็นตึกบัญชาการกองพล 1 ญี่ปุ่น
ในยุคหลัง สโมสรข้าราชการจังหวัดลำปางได้ขายกรรมสิทธิ์การถือครองสวนเขลางค์ให้กับเทศบาลนครลำปางในราคา
13,000,000
บาท เมื่อปลายปี พ.ศ. 2534 คนลำปางจึงมีพื้นที่ออกกำลังกายและพักผ่อนกลางเมืองในชื่อสวนสาธารณะเขลางค์นคร
ผ่านมาระยะหนึ่ง สวนเขลางค์ได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่ในสมัยนายกเทศมนตรี
ดร. นิมิตร จิวะสันติการ มีการก่อสร้างเวทีกลางแจ้ง โรงเก็บบุษบก ประตูทางเข้า ถนน
และไฟทาง
ดอกปีบร่วงพราวส่งกลิ่นหอมเป็นระยะ
จวบจนถึงวันนี้ จากข่วงโปโล กับกีฬาโปโลที่คนธรรมดา ๆ คงเอื้อมไม่ถึง สวนเขลางค์คืนสู่ความเรียบง่าย
มาเป็นขวัญใจมหาชนคนรักสุขภาพและรักธรรมชาติ ซึ่งต่างก็มุ่งหวังในสิ่งที่เรียบง่ายที่สุดเช่นกัน
นั่นคือ ความสะอาดและความปลอดภัย เพียงเท่านี้จริง ๆ
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1003 ประจำวันที่ 7 - 13พฤศจิกายน 2557)