เกือบ
50 ปีก่อน ขณะที่แดนดอยทางภาคเหนือตอนบนกำลังเผชิญกับความแร้นแค้นอย่างหนักหน่วงอันเนื่องมาจากฝิ่นและการทำไร่เลื่อนลอย
วันหนึ่งที่บ้านม้งดอยปุย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จแปรพระราชฐานมายังพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
ซึ่งอันที่จริงพระองค์ท่านน่าจะทรงพักผ่อน แต่ก็ไม่ กลับทรงพระดำเนินไปทอดพระเนตรชีวิตคนบนดอยด้วยความสนพระราชหฤทัย
ทรงเห็นใจและมีพระราชประสงค์ที่จะช่วยชาวไทยภูเขาในละแวกนั้น ทำให้ชาวไทยภูเขาไม่ปกปิดข้อมูลว่า
พวกเขาปลูกฝิ่นกันจริง ๆ แต่ก็เก็บท้อพื้นเมืองขายด้วย
พระองค์ท่านทรงทราบว่า
ที่สถานีทดลองผลไม้เมืองหนาวของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ใกล้พระตำหนักภูพิงคฯ
ได้นำกิ่งท้อลูกใหญ่จากต่างประเทศมาต่อกับต้นพันธุ์พื้นเมืองได้ จึงโปรดเกล้าฯ
ให้ตั้ง “โครงการหลวงพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขา” ขึ้นในปี พ.ศ.
2512 (ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นโครงการหลวง และในปี พ.ศ. 2535
เปลี่ยนมาเป็นมูลนิธิโครงการหลวงจนถึงทุกวันนี้) โดยมีหม่อมเจ้าภีศเดช
รัชนี เป็นผู้อำนวยการโครงการ เพื่อค้นคว้าหาพันธุ์ท้อที่เหมาะกับดอยทางเหนือ
เพราะอาจทำเงินได้ดีกว่าฝิ่น นอกจากนี้ ยังโปรดเกล้าฯ ให้พยายามหาพืชผักกับดอกไม้เมืองหนาวอื่น
ๆ มาปลูกด้วย ข้อนี้หม่อมเจ้าภีศเดชได้ทรงตั้งข้อสังเกตไว้ว่า “พืชแต่ละอย่างของเรานั้น ถ้าไม่สวย ก็ต้องอร่อย”
ในปีเดียวกัน
สถานีเกษตรหลวงอ่างขางก็ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเป็นโครงการหลวงแห่งแรก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแนวคิดในการดำเนินงานไว้เป็นข้อ ๆ คือ 1. ลดขั้นตอน
2. ปิดทองหลังพระ 3. เร็ว ๆ เข้า 4.
ช่วยให้เขาช่วยเหลือตัวเอง
จะเห็นได้ว่า
ช่างเป็นแนวคิดที่เรียบง่ายและตรงประเด็นเหลือเกิน กระทั่งทุกวันนี้ เรามี “สถานีวิจัยเกษตรหลวง” 4 แห่ง คือ อ่างขาง อินทนนท์ ปางดะ และแม่หลอด
ทำหน้าที่เน้นไปในด้านวิจัย คิดค้น และปรับปรุงสายพันธุ์ ส่วนอีก 38 แห่งเป็น “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง” มุ่งงานส่งเสริมเป็นหลัก ซึ่งทั้งหมดกระจายกันอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่
เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน และพะเยา ชาวบ้านกว่า 126,207 คน
ได้รับความช่วยเหลือให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
“พวกเราชาวโครงการหลวงภูมิใจที่มีการปลูกพืชเมืองหนาว ไม่นับฝิ่น
ได้สำเร็จในประเทศร้อน ทำให้คนไทยมีของอร่อย ๆ ไว้รับประทานในราคาที่ใคร ๆ
ก็สู้ได้ แต่เราชอบที่จะวัดความสำเร็จของเราด้วยจำนวนเงินที่เข้าไปอยู่ในกระเป๋าของเกษตรกร
เราสำเร็จแค่ไหนเราตอบไม่ได้ด้วยตัวเลข” หม่อมเจ้าภีศเดช
ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง
ทรงเคยกล่าวไว้ในหนังสืออย่างน่าฟัง
แม้
ว่าจังหวัดลำปางของเราจะไม่มีศูนย์พัฒนาโครงการหลวง
แต่ก็ใช่ว่าคนลำปางจะไม่คุ้นเคยกับโครงการหลวงเสียเมื่อไร
เพราะทุกวันนี้ทั้งสถานีวิจัยเกษตรหลวงและศูนย์พัฒนาโครงการหลวงต่างได้รับ
การพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง
กาแฟสดที่เราดื่มกันบางร้านซื้อเมล็ดมาจากโครงการหลวง
ด้านพืชผักผลไม้พะยี่ห้อดอยคำก็มีให้เห็นทั่วไปในซูเปอร์มาร์เก็ต
ตลาด และร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพ หรือแม้แต่ร้านดอยคำ
ที่เพิ่งเปิดบริการให้คนลำปางเลือกซื้อผลิตผลของโครงการหลวงที่มีอยู่อย่าง
หลากหลาย
นอกจากนี้
ที่บ้านแม่แจ๋ม หมู่บ้านเล็ก ๆ ของตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน
กาแฟอะราบิกาสายพันธุ์ดีและแม็กคาเดเมียนัตหวานมัน ที่หยั่งรากปักลงบนดอยสูงกว่า 1,100 เมตร
จากระดับทะเลปานกลาง รวมถึงเทคนิคเชิงเกษตร อาทิ การปลูกกาแฟคลุมด้วยไม้บังร่มอย่างเสาวรสที่ให้ผลอมเปรี้ยวชุ่มชื่น
ก็เป็นผลมาจากการขึ้นมาส่งเสริมของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก
ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยเล็งเห็นแล้วว่า
อากาศและความสูงของบ้านแม่แจ๋มน่าจะเหมาะกับพืชพรรณเหล่านี้
โครงการ
หลวงตีนตกได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ชาวบ้านรอบ ๆ ศูนย์ฯ
ต่างก็หันมาปลูกกาแฟสายพันธุ์อะราบิกาที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์จนเหมาะกับ
พื้นที่บนดอยสูงทางภาคเหนือของประเทศไทย
โดยใช้วิธีปลูกแบบผสมผสานภายใต้ร่มเงาของต้นเมี่ยง
ซึ่งเป็นพืชดั้งเดิมที่ชาวบ้านปลูกไว้อยู่แล้ว
ด้วยปัจจัยทางด้านดินฟ้าอากาศที่เหมาะสม จึงทำให้พื้นที่โดยรอบศูนย์ฯ
ปลูกกาแฟได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย
อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสมดุลให้กับธรรมชาติและเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นอกจากจะให้การสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชต่าง
ๆ ยังมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถออกไปให้คำแนะนำวิธีเพิ่มผลผลิตให้กับชาวบ้านอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ยังรับซื้อผลผลิตของชาวบ้านที่ได้มาตรฐาน
โดยให้ราคาสูงกว่าตามท้องตลาด ทำให้ชาวบ้านไม่ต้องซื้อขายผ่านพ่อค้าคนกลาง
...กาลครั้งหนึ่ง
มีพระราชาองค์หนึ่ง ทรงงานหนักด้วยปรารถนาให้ทุกคนมีความสุข นี่ไม่ใช่เทพนิยาย
พระราชาองค์นั้นมีอยู่จริง