ผู้ว่าฯลำปาง
นำทีมแปลงซากจอกหูหนู 1.3 พันตันเป็นปุ๋ยหมักมูลค่า 4 ล้านบาท แจกจ่ายเกษตรกรพื้นที่
4 ตำบล ขณะที่เขื่อนกิ่วลมยังคงเดินหน้ากำจัดจอกอย่างต่อเนื่อง
เผยเหลือพื้นที่อีก 1 กิโลเมตร อีก 2
สัปดาห์เปิดเดินแพได้เต็มเส้นทาง
เมื่อวันที่
8 ธ.ค.57 ที่สนามโรงเรียนเมืองมายวิทยา ต.บ้านแลง อ.เมือง
จ.ลำปาง นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
ได้เข้าตรวจรับฝังผลการทำงานและติดตามความคืบหน้าการกำจัดจอกหูหนูที่ระบาดอย่างหนักเหนือเขื่อนกิ่วลม
โดยมีเกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำปางและ พัฒนาที่ดินจังหวัดลำปางได้รายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
ซึ่งโครงการนี้ได้เปิดโครงการไปเมื่อวันที่ 28 ต.ค.57 ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อโครงการ
เขื่อนสวย น้ำใส คืนความสุขให้ประชาชน ส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง
เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระชนมายุ 87 พรรษา 5 ธ.ค. 57 โดยมีแผนปฏิบัติการ ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.57 ถึง 5 ธ.ค.57 ที่ผ่านมา
ซึ่งผลการทำงานทีผ่านมาบรรลุวัตถุประสงค์ผลเป็นที่น่าพอใจ
ปรากฏว่าจอกหูหนูที่ระบาดอย่างหนักทางเจ้าหน้าที่สามารถจัดเก็บออกมาจากเขื่อนได้มากกว่า
8,000 ตัน(สด) และนำมากองรวมกันไว้ที่สนามโรงเรียนเมืองมาย เมื่อจอกหูหนูได้รับแสงแดดและแห้งลง
จากการคำนวณจากขนาดกองที่มีความยาว 87 เมตร กว้าง 9 เมตร สูง 1.50 เมตร เหลือซากจอกหูหนูอยู่ประมาณ 1,300 ตัน
จังหวัดลำปางจึงร่วมกับหลายหน่วยงานนำจอกหูหนูที่เก็บกวาดมาจากเขื่อนกิ่วลมมาทำเป็นปุ๋ยหมัก
เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระชนมายุ 87 พรรษา โดยได้มีการจัดทำปุ๋ยหมักจากเศษวัชพืชจอกหูหนูแห้ง
จำนวน 1,300 ตัน โดยใช้สาร พด. ซึ่งเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการย่อยสลายวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร
และอุตสาหกรรมแปรรูป
ผลผลิตทางการเกษตรเพื่อผลิตปุ๋ยหมักในเวลารวดเร็วและมีคุณภาพสูงขึ้น
ประกอบด้วยเชื้อรา และแอคติโนมัยซีสที่ย่อยสารประกอบเซลลูโลส
และแบคทีเรียที่ย่อยไขมัน รวมทั้ง ปุ๋ยคอก
และเศษวัชพืชบางส่วน มาผสมเพื่อช่วยในการย่อยสลายให้เกิดปุ๋ยหมักที่ดีมีคุณภาพสามารถนำไปใช้ประโยชนได้จริง
และในเวลาอีก 1 เดือนจะได้ปุ๋ยหมักที่มีคุณภาพ ซึ่งจะได้ แจกจ่ายไปให้ประชาชนในพื้นที่
4 ตำบล ประกอบด้วย ต.บ้านแลง ต.ทุ่งฝาย ต.บุญนาคพัฒนา และ ต.บ้านเสด็จ ได้ใช้ประโยชน์ต่อไป
สำหรับมูลค่าซากจอกหูหนูที่นำมาทำปุ๋ยในครั้งนี้
ได้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาที่ดินว่า
หากเปลี่ยนเป็นปุ๋ยหมักแล้วจะขายในราคากิโลกรัมละ 3 บาท 1 ตันอยู่ที่ราคา 3,000 บาท ดังนั้นปุ๋ยจอกหูหนูทั้งหมด 1,300 ตัน
มีมูลค่าถึง 3.9 ล้านบาท
ทั้งนี้
ในส่วนของการกำจัดจอกหูหนูยังคงเดินหน้าต่อไป ซึ่งความคืบหน้า นายวศิน ลีลาชินาเวศ
หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน
โครงการส่งน้ำบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการในส่วนที่กั้นไว้ล็อกที่
4 แล้ว เหลือปริมาณจอกหูหนูอีก 1 กิโลเมตร
คาดว่าจะใช้เวลาเก็บประมาณ 2 สัปดาห์ ตอนนี้มีโป๊ะรถแบ็คโฮ 2
คัน และเรือกำจัดวัชพืช 3 ลำ โดยจะเร่งมือให้เสร็จโดยเร็ว
เพื่อเปิดทางให้แพล่องได้ตลอดเส้นทาง อีก 2
สัปดาห์ก็คงเปิดทางได้ แต่จะมีส่วนด้านข้างที่ยังกักไว้ก็จะดำเนินการต่อไปให้เสร็จ
รวมทั้งในส่วนของซากจอกที่ลอยกระจายมาทางหน้าเขื่อนบ้างส่วน ก็จะทยอยเก็บรายละเอียดหลังจากกำจัดล็อกที่
4 เสร็จแล้ว
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1008ประจำวันที่ 12 - 18 ธันวาคม 2557)