นายอำเภอแจ้ห่มสั่งลุยกำจัดจอก
พร้อมประกาศรับซื้อกิโลกรัมละ 75 สตางค์
ด้านชาวแพสำเภาทองร่วมใจทำไม้ไผ่กั้นฉีดสารชีวภัณฑ์ 2 จุด พื้นที่กว่า
20 ไร่
ระบุหากไม่ให้ทำแล้วเมื่อไรจะแก้ปัญหาหมด รอชลประทานใช้เรือตักคงไม่ไหว
หลังจาก
นายสันติ นฤมิตร นายอำเภอแจ้ห่ม ได้เปิดโครงการคลองสวยน้ำใส
เมื่อวันที่ 14 ม.ค.58 ที่ผ่านมา
โดยได้ทำการทดลองสารชีวภัณฑ์กำจัดจอกหูหนู บริเวณท่าแพสำเภาทอง ต.บ้านสา
อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง
พร้อมกับนำไม้ไผ่ไปกั้นพื้นที่จอกหูหนูที่กระจายอยู่ภายในอ่างเก็บน้ำ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทางเกษตรอำเภอแจ้ห่ม
เทศบาลตำบลบ้านสา และชาวแพสำเภาทอง
เมื่อวันที่
19 ม.ค.58 นายสันติ นฤมิตร นายอำเภอแจ้ห่ม
ได้นำสารชีวภัณฑ์ ยี่ห้อ MAX 4 ซึ่งเป็นสารกำจัดวัชพืชแบบเผาไหม้
สามารถใช้ได้กับพืชทุกชนิด มามอบให้กับชาวแพสำเภาทอง
เพื่อที่จะนำไปฉีดกำจัดจอกหูหนูที่ได้ทำไม้ไผ่กั้นไว้แล้ว
ซึ่งงบประมาณในการจัดซื้อดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ปูนซิเมนต์ไทยลำปาง
จำกัด จำนวน 1 แสนบาท
ก่อนจะมีการลงพื้นที่ปฏิบัติงาน
นายสันติ นฤมิตร นายอำเภอแจ้ห่ม
ได้สอบถามชาวแพสำเภาทอง กรณีที่ทาง ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา
ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าต้องการให้ชาวบ้านไปทำการทดลองฉีดสารชีวภัณฑ์ที่สระของโครงการฯ
เพื่อทำการทดลองก่อนว่าปลอดภัยจริง จึงจะเสนอผู้ว่าฯ ชาวแพสำเภาทองมีความเห็นว่าอย่างไร ยังจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ ซึ่งชาวแพได้กล่าวว่า ถ้าพวกเราไม่ทำแล้วใครจะทำเพราะคนที่เดือดร้อนก็คือชาวแพเอง
หากไม่ลงมือทำก็จะไม่รู้ว่าได้ผลหรือเปล่า ถ้าต้องรอทางชลประทานเข้ามาแก้ปัญหาก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น
ก็เห็นกันอยู่ว่าปัญหานี้ยืดเยื้อมานานถึง 1 ปีแล้วยังแก้ปัญหาไม่ได้
ซึ่งทางชาวแพสำเภาทองก็ไม่ทราบว่าทางชลประทานต้องการจะยื้อเพื่อของบประมาณเข้ามาหรือเปล่า
ทั้งนี้ นายอำเภอจึงได้กล่าวกับชาวแพว่า
ให้ชาวแพทำเต็มที่ พื้นที่ตรงไหนที่กั้นไว้แล้วให้พ่นสารชีวภัณฑ์ได้เลย
ส่วนที่จอกที่ลอยอยู่ก็ช่วยกันเก็บมาขาย ให้แบ่งงานกันไปทำ 2
ส่วน คือแยกกันไปมัดลวดและฉีดพ่นสารชีวภัณฑ์
พร้อมกันนี้นายอำเภอแจ้ห่มยังได้ออกประกาศแจ้งให้ชาวบ้านทราบว่าทางอำเภอจะรับซื้อจอกหูหนูที่ตักขึ้นจากน้ำในราคากิโลกรัมละ
75 สตางค์ด้วย
นายสันติ
นฤมิตร นายอำเภอแจ้ห่ม กล่าวว่า นายอำเภอได้ออกประกาศรับซื้อจอกหูหนูจากชาวบ้านสำเภาทองกิโลกรัมละ
75 สตางค์ นำไปทำปุ๋ยเพื่อประโยชน์ทางการเกษตร โดยนำขึ้นมาพักน้ำไว้ 1
วัน จนถึงวันที่ 30 ม.ค.58 รวบรวมได้เยอะทางอำเภอก็จะนำรถมารับและนำไปทำปุ๋ย
ซึ่ง จะแบ่งงบประมาณจากที่ได้รับการสนับสนุนจากปูนซิเมนต์มาส่วนหนึ่งไม่น่าจะเกิน 2 หมื่นบาท มาใช้เป็นค่ารับซื้อจอกด้วย
ในส่วนของการดำเนินการฉีดสารชีวภัณฑ์นายอำเภอได้นำสารมามอบให้จำนวน 50 ขวด ให้ทางชาวแพดำเนินการฉีดพ่นได้เลยตามจุดที่มีการกั้นไม้ไผ่ไว้แล้ว
โดยผสมน้ำตามสัดส่วน 1 ขวดต่อน้ำ 200
ลิตร และต้องผสมน้ำยาที่เป็นสารจับใบลงไปด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น
จากนั้นชาวแพจึงได้แบ่งกลุ่มกันลงพื้นที่ทำงาน
โดยแยกเป็นส่วนที่ทำไม้ไผ่กั้นและส่วนที่ฉีดพ่นสารชีวภัณฑ์ โดยผสมน้ำยาลงในถังขนาด
200 ลิตร และทำการฉีดพ่นบนจอกหูหนูในพื้นที่ที่กั้นไว้แล้ว ตั้งแต่บริเวณปากห้วยคิ่วล่องไปทางหน้าผาจนถึงโขดหิน
โดยทำการพ่น 2 วัน และจะกลับไปติดตามผลภายใน 7 วัน จากการสอบถามนายชาญ ศรีขจร
ผู้ประกอบการแพชาวเครือ กล่าวว่า วันที่ 22
ม.ค.ได้ผ่านไปดูก็พบว่าจอกเริ่มแห้งและดำลงแล้ว หลังจากทำการฉีดมา 2 วัน ตอนนี้ก็ต้องรอติดตามผลว่าจอกตายหรือไม่
ระหว่างนี้ก็ได้เก็บจอกหูหนูที่ลอยอยู่กลางอ่างเก็บน้ำนำมาขายให้กับทางอำเภอ
ซึ่งก็มีชาวบ้านเริ่มออกไปเก็บกันแล้ว เพื่อนำมาขายหารายได้อีกทางหนึ่งถึงแม้จะเป็นเงินไม่มากก็ตาม
สำหรับสารชีวภัณฑ์
MAX 4 ได้รายงานสรรพคุณไว้ว่า เป็นสารชีวภัณฑ์ กำจัดวัชพืช แบบเผาไหม้
ส่วนผสมประกอบด้วยอามิโนกรุ๊ป
และจุลินทรีย์น้ำลึกที่นำมาเพาะเลี้ยงในผลไม้ และขยายพันธุ์ในน้ำกร่อย
จึงทำให้ทนต่อสภาวะอากาศสามารถ เก็บในที่ร่มได้นานถึง 2 ปี โดยไม่ต้องให้อาหาร
ฉีดพ่นได้ทุกเวลาแม้กลางแดด การทำงานของสาร
อามิโนกรุ๊ปจะทำให้เกิดกรด
เพื่อทำลายระบบการสังเคราะห์โปรตีนและระบบการดูดซึมของวัชพืช ใบจะเหลืองและเหี่ยว
จากนั้นจุลินทรีจะทำหน้าที่ย่อยสลายให้กลายเป็นปุ๋ยอยู่ในดิน
แล้วดินจะหายจากความเป็นกรดภายใน 30 วัน หลังจากฉีดนิวตรอนจะพบว่าวัชพืชจะค่อยๆ
ตายอย่างช้าๆ โดยใบจะเหี่ยวและสีดำคล้ำภายใน 1-3 ชั่วโมง จากนั้นใบจะเหลืองภายใน
1-5 วัน แล้วแห้งตายย่อยสลายในที่สุด ไม่มีพิษตกค้างในดินและน้ำ
สามารถใช้ฉีดพ่นเพื่อกำจัดวัชพืชก่อนปลูกพืชหลักอย่างปลอดภัย สามารถใช้กับ ขอบสวน
ขอบไร่ หัวนา คันนา ร่องพริก ร่องมัน ฯ และ วัชพืชทั่วๆ ไป สามารถใช้ได้กับพืชทุกชนิด โดยมีจุดเด่น คือ มีประโยชน์ในการใช้กว้างขวางประสิทธิภาพสูงเห็นผลเร็ว
ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าเครื่องตัดหญ้า
และยาเคมีปราบหญ้าได้นานกว่าใช้เครื่องตัดหญ้า ปลอดภัยไร้สารพิษ 100%
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1013 ประจำวันที่ 23 - 29 มกราคม 2558)