ครูและผู้ปกครองกว่า 100 คน รวมตัวขอพบเจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง หลังไล่ครูโรงเรียนผดุงวิทย์ออก 5 คน ข้อหาผิดวินัยร้ายแรงกรณีนำกลุ่มครู นักเรียนประท้วง หลายหน่วยงานร่วมเข้าไกล่เกลี่ย ทั้งสองฝ่ายจึงยอมทำบันทึกข้อตกลง โดยให้พระครูประภัศร์บุญกิจผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนผดุงวิทย์ สำรองจ่ายเงินเดือนให้แก่ครูทั้ง 5 จนกว่าสำนักงาน คณะกรรมการ ส่งเสริมการ ศึกษาเอกชน (ส ช.) จะชี้มูลว่าผิดหรือไม่ ระหว่างนี้ห้ามครูทั้ง 5 เข้ามาก่อกวนและสร้างความแตกแยก ขณะที่ผู้ปกครองยังจี้ให้ตอบคำถามเรื่องเงินออมของนักเรียนที่หายไปหลายล้านบาท
เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.58 พระครูประภัศร์บุญกิจ เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง และผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนผดุงวิทย์(วัดศรีบุญเรือง) มีหนังสือคำสั่งโรงเรียนผดุงวิทย์(วัดศรีบุญเรือง)ที่ 49/2558 เรื่องลงโทษครูและบุคลากรทางการศึกษาพ้นจากเจ้าหน้าที่ จำนวน 5 คน คือ นายนราดรณ์ วงค์สวัสดิ์ นายสัมฤทธิ์ แสงคำ นายอนันต์ เครือคำขาว นางอุไรวรรณ ส่วนสมพงษ์ และนางนิตยา คำเขื่อน ในข้อกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง กรณีได้ร่วมกันทำเป็นขบวนการด้วยการชักชวนกลุ่มผู้ปกครองคณะครู ลูกจ้าง และนักเรียนระดับมัธยม ออกมาชุมนุมประท้วงขับไล่พระครูประภัศร์บุญกิจ ในฐานะผู้รับใบอนุญาต เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.57 ที่ผ่านมา พระครูประภัศร์บุญกิจจึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.58 และผลการสอบสวนให้ลงโทษแกนนำทั้ง 5 คนให้พ้นจากหน้าที่ นับแต่วันที่ 19 มิ.ย. 58 เป็นต้นไป ทางกลุ่มครูแกนนำ 5 คน พร้อมด้วยครูอีก 70 กว่าคนจึงได้รวมตัวกันมาเพื่อขอคำชี้แจง แต่เจ้าอาวาสไม่ยอมออกมาเจรจา
นายนราดรณ์ วงค์สวัสดิ์ หนึ่งในครูทั้ง 5 คน ที่ถูกสั่งพ้นสภาพการเป็นครูและบุคลากร กล่าวว่า การที่กลุ่มครูออกมาเรียกร้องในวันนี้ เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม พวกตนถูกตั้งข้อกล่าวหาและถูกปลดโดยไม่เคยเรียกสอบสวนครูมาก่อน ทั้งที่ได้มีการบันทึกข้อตกลงว่าจะไม่มีการเอาผิดครูทั้งหมด แต่ก็ยังมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้น โดยใช้คนของตัวเองมาเป็นคณะกรรมการสอบสวน และสั่งไล่ออกพวกตนทั้ง 5 คน โดยการส่งจดหมายอีเอ็มเอสมาแจ้งที่บ้าน เรื่องการสั่งปลด ลงนามโดยพระครูประภัศร์บุญกิจ อีกทั้งยังส่งจดหมายไปถึงภรรยาของตนเองที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่เทศบาลนครลำปางด้วย ซึ่งภรรยาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ยิ่งเป็นการสร้างความแตกแยกให้กับครอบครัวของตน
นายสัมฤทธิ์ แสงคำ ครูอีกคนหนึ่ง กล่าวว่า ทำงานสอนที่โรงเรียนนี้มา 30 ปีแล้วไม่เคยมีปัญหามาก่อน ตอนนี้ครูทั้งหมด 70 กว่าคน ต้องการการรับรองว่าจะไม่มีการไล่ออก ขอให้เจ้าอาวาสยกเลิกคำสั่งไล่ออกครูทั้ง 5 คน เนื่องจากเป็นการออกคำสั่งโดยไม่ชอบ เพราะเจ้าอาวาสไม่มีใบประกอบวิชาชีพครูที่จะสามารถตั้งคณะกรรมการสอบสวนได้ ขอให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายครูด้วย
นอกจากนี้กลุ่มผู้ปกครองยังกล่าวว่าคณะผู้บริหารฝ่ายการเงินนำเงินสะสมของเด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงชั้น ม.3 ไปใช้จ่ายแบบผิดวัตถุประสงค์ ทำให้เงินขาดหายไปประมาณ 4 ล้านบาทโดยไม่มีการชี้แจงใดๆทั้งสิ้น ทั้งที่กลุ่มผู้ปกครองของเด็กนักเรียนพยายามทวงถามหากลักฐานเพื่อขอตรวจสอบการใช้เงิน
ต่อมาทางพ.ต.ต.จีระเดช จันทร์อ่อน สวป.สภ.เมืองลำปาง เจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.32 ลำปาง ได้เชิญแกนนำครูทั้งหมด มาพูดคุยหาข้อสรุปในเบื้องต้น ที่ห้องประชุมของโรงเรียน แต่ทางพระครูประภัศร์บุญกิจ ไม่ยอมลงมาพบปะพูดคุยในการแก้ปัญหาดังกล่าว กระทั่งในช่วงบ่าย นายกิติพัฒน์ กะวัง ป้องกันจังหวัดลำปาง ได้เข้ามาเป็นตัวกลางเจรจากับเจ้าอาวาส ขอให้ยกเลิกคำสั่งไล่ออกครู 5 คนชั่วคราวก่อน แต่ทางเจ้าอาวาสยืนยันว่าได้ทำถูกต้องจึงไม่ขอยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจจึงนัดให้ไกล่เกลี่ยเพื่อหาทางออกอีกครั้ง ในวันที่ 24 มิ.ย. 58 โดยครูทั้ง 5 คนที่ถูกไล่ออก ได้ทำเรื่องส่งไปยัง มทบ.ที่ 32 ลำปาง เพื่อขอให้ฝ่ายทหารออกหน้าและบังคับใช้อำนาจพิเศษมาตรา 44 ให้ผู้รับใบอนุญาตออกมาเจราจากับอดีตครูทั้ง 5 คน
ต่อมาวันที่ 24 มิ.ย.58 ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ประกอบด้วย นายกิติพัฒน์ ทะวัง ป้องกันจังหวัดลำปาง พ.อ.ปรเมศร์ อุดมสินค้า รองเสนาธิการ มทบ.32 ลำปาง นายอุบลพันธ์ ขันผนึก ผอ.สำนักพุทธฯ พ.ต.อ.นิคม เครือนพรัตน์ ผกก.สภ.เมืองฯ นายสมบัติ สุทธิพรมณวัฒน์ ผอ.สพป. ลป.เขต 1 รวมทั้ง ผอ.และผู้แทนจากสถานศึกษาเอกชนลำปาง สมาคมสถานศึกษาเอกชน และสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้เดินทางมาพูดคุยกับอดีตครูและคณะครูอีกประมาณ 20-25 คนที่มีความกังวลใจว่าตัวเองก็กำลังจะถูกไล่ออกเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดได้รอเจ้าหน้าที่อยู่ที่ลานหน้าอาคารที่ทำการในวันศรีบุเรือง
พ.อ.ปรเมศร์ อุดมสินค้า รองเสนาธิการทหารฯ ได้กล่าวว่า การที่จะให้ฝ่ายทหารออกมาบังคับใช้มาตรา 44 บังคับให้ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนผดุงวิทย์ (วัดศรีบุญเรือง) มาพบประกับผู้ร้องเรียนนั้นไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากมาตรา 44 เป็นอำนาจพิเศษที่จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุร้ายแรงต่อประเทศชาติหรือมีการกระทำการที่รุนแรงต่อสังคมส่วนรวมเท่านั้น แต่ในกรณีนี้ถือว่าเป็นเพียงข้อพิพาทระหว่างผู้รับใบอนุญาตของโรงเรียนกับกลุ่มครูที่ได้รับความเสียหายเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นข้อพิพาทในส่วนเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนกลุ่มเดียวกันจึงไม่สามารถจะนำมาตรา 44 มาบังคับให้ผู้รับใบอนุญาตออกมาพบหรือเจรจากับกลุ่มครูได้ แต่หน่วยงานที่มากันในวันนี้ก็เพื่อที่จะมารับฟังปัญหาความเดือดร้อนของอดีตครูที่คิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม จะมาพูดคุยกันเพื่อหาทางออกที่เหมาะที่ควร
จากนั้นทั้งหมดจึงได้เข้าไปพูดคุยกันในอาคารที่ทำการของโรงเรียนฯ โดยทางฝ่ายของครูที่ถูกไล่ออกได้ผลัดกันเล่าเหตุการณ์ที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมดให้กับฝ่ายผู้รับเรื่องและยังคงยืนยันอยู่ตลอดเวลาว่าจะขอพูดคุยกับพระครูประภัศร์บุญกิจ ผู้รับใบอนุญาตให้ได้ เพื่อสอบถามถึงสาเหตุที่กระทำผิดสัญญาไล่พวกตนออกจากการเป็นครู ทั้งที่เคยตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยพยายามให้ฝ่ายปกครองขึ้นไปตามพระครูประภัศร์บุญกิจลงมาจากกุฏิให้ได้ โดยอดีตครูทั้ง 5 คน ได้หยิบยกเอาความเดือนร้อนในครอบครัวขึ้นมากล่าวอ้าง และขอให้ฝ่ายบ้านเมืองที่มารับทราบปัญหาเป็นตัวกลางขอให้ทางผู้รับ ใบอนุญาตช่วยผ่อนปรนให้ทุกคนกลับเข้ามาสอนหนังสือต่อไป และยังต้องการให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบด้วยว่า พระครูประภัศร์บุญกิจ มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตได้หรือไม่ เนื่องจากในข้อกฎหมายแล้วผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตประกอบการในสถานศึกษาเอกชนได้นั้นจะต้องเคยผ่านเป็นครูมาก่อน แต่ในกรณีของพระครูประภัศร์บุญกิจกลับไม่พบว่าเคยผ่านการเป็นครูมาก่อน ซึ่งถือว่าเป็นการผิดระเบียบอย่างร้ายแรงเช่นกัน นอกจากนี้ทางคณะผู้บริหารโรงเรียนยังบริหารงานอย่างไม่โปร่งใสอีกด้วย กล่าวคือ นำเอาเงินอุดหนุนที่ทางรัฐบาลโอนมาให้ไปใช้แบบผิดวัตถุประสงค์ อีกทั้งยังไม่มีเอกสารหรือชี้แจงใดๆทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องนี้พวกเราได้ยื่นเรื่องให้ทาง สตง.เข้ามาตรวจสอบแล้วเช่นกัน
ด้าน นายสมบัติ สุทธิพรมณวัฒน์ ผอ.สพป. ลป.เขต 1 ได้กล่าวว่า ในส่วนนี้ทางเราทั้งยินดีที่จะตรวจสอบให้แต่ต้องขอเวลาสักระยะหนึ่งจึงจะตอบได้ว่าท่านผิดจริงหรือไม่ อย่างไร ส่วนในกรณีที่มีการร้องเรียนไปยังสตง.ให้ตรวจสอบการใช้เงินหรืองบอุดหนุนจากรัฐฯนั้น เบื้องต้นทาง สตง.ก็มีรายงานออกมาแล้วส่วนหนึ่งว่า อาจจะมีการนำเงินไปใช้แบบผิดประเภทแต่จะไม่ขอพูดในที่นี้เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน รอให้ทาง สตง.ส่งคำชี้แจงมาให้ครบถ้วนเสียก่อน จึงจะสามารถชี้แจงให้ทุกคนให้รับทราบได้ ส่วนที่ทางอดีตครูต้องการจะขอกลับมาสอนนั้น ทางเราก็ยังคงไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้เท่าที่ควร เพราะทางผู้รับใบอนุญาตได้มีหนังสือส่งถึงครูทั้ง 5 คน ตามการพิจารณาของคณะกรรมการแล้ว เราก็คงเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องภายใน แต่หากทุกคนคิดว่าผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนผดุงวิทย์กระทำความผิดหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ถูกไล่ออก ตนเองก็แนะนำได้เพียงว่า ให้ครูทั้ง 5 คน ให้รวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ ไปแจ้งความเอาไว้เป็นหลักฐานก่อน จากนั้นจึงส่งเรื่องมาให้ทางผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานสถานศึกษาเอกชน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆให้ตรวจสอบ และเมื่อผลสอบที่ออกมาหากพบว่าครูทั้ง 5 คนไม่ผิดตามข้อกล่าวหาทุกคนก็จะได้กลับเข้ามาสอนหนังสือตามเดิม แต่หากทางผู้รับใบอนุญาตยังคงยืนกรานที่จะให้ทุกคนออกจากการเป็นครู ทางโรงเรียนก็จะต้องจ่ายเงินเดือนให้กับทุกคนตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาพอสมควรแต่ก็คงจะไม่นานมากนัก เพราะเราจะเร่งตรวจสอบให้ได้ผลสรุปให้เร็วที่สุด เพราะไม่ต้องการให้เรื่องยืดเยื้อและเข้าใจในความเดือดร้อนของทุกคน
ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่มีการพูดคุยกันนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจาก สภ.เมืองลำปาง กว่า 30 นาย กระจายกำลังคอยรักษาความสงบอยู่โดยรอบบริเวณที่ประชุม รวมทั้งทางขึ้นกุฏิของพระครูประภัศร์บุญกิจ เจ้าอาวาสและผู้รับใบอนุญาตฯ ซึ่งตลอดเวลาเก็บตัวอยู่แต่ในกุฏิโดยมีชายร่างใหญ่ซึ่งเป็นทั้งญาติโยมที่ชาวบ้านที่ศรัทธาในตัวหลวงพ่อคอยคุ้มกันอยู่หน้าห้องอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งทางผู้สื่อข่าวได้พยายามที่จะขอเข้าพบเพื่อสอบถามถึงเรื่องทั้งหมด แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากผู้ดูแลของหลวงพ่อ โดยอ้างว่าขณะนี้สุขภาพของพระครูประภัศร์บุญกิจไม่ดีนัก จึงจะขอพักผ่อนและไม่ให้ใครรบกวน
ส่วนด้านหน้าของกุฏินั้นก็นั้นยังคงมีกลุ่มครูและผู้ปกครองอีกเป็นจำนวนมากที่มารอให้กำลังใจกับอดีตครูที่ถูกไล่ออกพร้อมกับรอสอบถามความคืบหน้าของการเจรจาและยังมีผู้ปกครองอีกส่วนหนึ่งที่ต้องการจะมาสอบถามถึงเรื่องเงินสะสมของเด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาชั้น ม.3 ที่ต้องจ่ายเงินสะสมให้กับทางโรงเรียนทุกเดือนแต่มาทราบภายหลังว่าเงินที่ผู้ปกครอบจ่ายให้มานั้น ทางผู้บริหารโรงเรียนนำไปใช้แบบผิดวัตถุประสงค์เช่นกัน โดยไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินให้ตรวจสอบ ผู้ปกครองทั้งหมดจึงเกิดความแคลงใจว่า หากเด็กจบไปหรือลาออก จะได้รับเงินสะสมส่วนนี้กลับไปด้วยหรือไม่ เพราะเท่าที่ทุกคนทราบมา เงินสะสมในส่วนนี้จะต้องมีอยู่ทั้งหมดประมาณ 6-7 ล้านบาท แต่ในขณะนี้ทราบว่ามีอยู่ไม่ถึง 4 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้นเงินที่ขาดหายไป หายไปไหน และใครจะเป็นคนมาชี้แจงให้ผู้ปกครองทราบ เมื่อทางเจ้าอาวาสไม่ยอมลงมาพูดคุยกับกลุ่มครู จึงได้นำแผงเหล็กไปกั้นปิดถนนด้านหน้าวัด พร้อมกับนำกระดาษเขียนข้อความ ความยุติธรรมไม่มี
ทางเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ จึงต้องขอขึ้นไปพูดคุยเจรจาบนกุฏิ และขอให้ครูทั้ง 5 คนขึ้นไปเจรจาร่วมกันเพื่อยุติปัญหาดังกล่าว จนกระทั่งทั้งสองฝ่ายยินยอมทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน โดยมีพันเอกสาธิต ศรีสุวรรณ ตัวแทนฝ่ายทหาร และพันตำรวจเอกนิคม เครือนพรัตน์ ผู้แทนฝ่ายตำรวจ ร่วมเป็นพยาน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1034 วันที่ 26 มิถุนายน - 2 กรกฏาคม 2558)