
กว่าครึ่งศตวรรษของการดำเนินธุรกิจการค้าในนาม “เชียงแสง” ซึ่งตั้งตามชื่อของผู้ก่อตั้ง เชียงเส็ง แซ่เตีย พ่อค้าชาวจีนมาตั้งรกรากที่ลำปางตั้งแต่ปี 2507 จนถึงทุกวันนี้ ในวงการธุรกิจยานยนต์ ต่างยอมรับในฐานะตัวแทนจำหน่าย รถบรรทุกฮีโน่ (HINO) ภายใต้ชื่อ “เชียงแสงลำปาง”
ปัจจุบันมีเครือข่ายสาขาถึง 7 แห่งในภาคเหนือ มียอดขายรถบรรทุก HINO อันดับต้นๆของประเทศไทย โดยเชียงแสงลำปาง ดูแลบริหาร 4 สาขา คือ สาขาลำปาง แพร่ น่าน และเถินซึ่งเปิดบริการเมื่อปี 2556 นอกจากนี้ยังมี เชียงแสง เชียงราย พะเยา และลำพูนและศูนย์ฮอนด้าลำปาง และเชียงใหม่ รวมถึง ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในนาม ตรีวัฒน์เฟอร์นิเจอร์ ตัวแทนจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ SB และ คอนเซ็ปต์ ในจังหวัดลำปางและร้านเชียงแสงร้านขายของชำดั้งเดิม มาวันนี้ เชียงแสงลำปาง ได้ส่งไม้ถึงมือผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ 3 มานานเกือบ 10 ปี
“แน่นอนว่า ชื่อของ เชียงแสงลำปาง เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับมาตั้งแต่รุ่นบุกเบิก ฐานธุรกิจที่แข็งแรงเป็นทุนเดิม คุณพ่อได้วางแผนชีวิตให้ลูกทั้ง 5 คน เข้ามาสานต่อธุรกิจของครอบครัวหลังจากเรียนจบ โจทย์ที่ยากของทายาทบริหารรุ่นปัจจุบัน คือการบริหารงานและบริหารคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนเก่าแก่ที่อยู่กันมานาน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและโลกของธุรกิจยุคใหม่ อย่างไรให้ลงตัว โดยเฉพาะเรื่องของการจัดระบบบริหารที่เน้นเรื่องของการพัฒนาฐานข้อมูลและการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารเข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงงานทุกฝ่าย " นพวรรณ ตรีวัฒนาวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายอะไหล่และบริการ (อายุ 36ปี) ทายาทคนโต หนึ่งในผู้บริหารเชียงแสงลำปาง บอกเล่าถึงแนวทางการสานต่องานบริหาร

ด้าน วรพงศ์ ตรีวัฒนาวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายขาย (อายุ 34 ปี) อีกหนึ่งทายาทบริหาร กล่าวว่า ในแง่ของการตลาด รถบรรทุกฮีโน่มีจุดเด่นในเรื่องของสมรรถนะของการใช้งานในพื้นที่เขตภูเขา ดังนั้น เป้าหมายทางการตลาดในพื้นที่ภาคเหนือฮีโน่ถือว่าครองตลาดมาโดยตลอดแต่ขณะเดียวกันก็มีคู่แข่งค่ายรถบรรทุกจากจีนและยุโรป ดังนั้นนโยบายด้านการขายของเชียงแสงลำปาง จึงเน้นไปที่การเข้าถึงลูกค้าให้มากที่สุด เร็วที่สุด เมื่อมีรถรุ่นใหม่ๆหรือมีตัวเลือกใหม่นำเสนอลูกค้าเรียกได้ว่าไปถึงหน้าบ้าน ร้านค้า หน่วยงานนั้นๆอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องของการบริการหลังการขายก็เป็นเรื่องสำคัญของการขยายฐานลูกค้าด้วยเช่นกัน

วรวิทย์ ตรีวัฒนาวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ทายาทบริหารที่มีอายุน้อยที่สุดเพียง 24 ปี บริหารงานด้านการตลาด การประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขาย กล่าวว่า ข้อได้เปรียบของเชียงแสงคือ มีศูนย์จำหน่ายและบริการตั้งอยู่ในพื้นที่ครอบคลุมภาคเหนือ การทำตลาดเชิงรุกถือเป็นกลยุทธ์สำคัญ ซึ่งบริษัทแม่ (บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์(ประเทศไทย) จำกัด จะจัดกิจกรรมคาราวาน เดินสายโชว์รถตามพื้นที่ต่างๆ และเข้าเยี่ยมลูกค้าถึงสถานประกอบการ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสรถจริง โดยจัดเป็นประจำทุกปี รวมถึงการออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ การจัดแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย และที่สำคัญในปีนี้ ทางเชียงแสงลำปางจะนำรถบรรทุก HINO ไปร่วมออกบูทงาน “ลำปางมอเตอร์โชว์” วันที่ 6-15 พฤศจิกายน ที่ศูนย์การค้า เซนทรัลพลาซาลำปาง อีกด้วย
"แนวทางการตลาดเราพัฒนาจากการสื่อสารการตลาดแบบเรียบง่าย ให้เป็นการตลาดที่มีสีสัน โดยเราได้เปิดเฟสบุ๊คแฟนเพจ www.facebook.com/hinolampang ทำให้ลูกค้ารู้จักในศักยภาพของเราทุกแง่มุม การเชื่อมโยงธุรกิจในเครือด้วยกันเพื่อธุรกิจและบริการที่แข็งแกร่งก็ถือว่าเป็นข้อดีที่เอื้อต่อการทำตลาด บางธุรกิจที่เป็นลูกค้าเรามีการเปลี่ยนมือบริหารมาสู่เจนเนอเรชั่นใหม่ ก็มีผลต่อการสื่อสารทางการตลาดที่ทันสมัย และที่สำคัญไปกว่านั้น ปีนี้ HINO ยังได้เปิดตัวรถบรรทุกรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด โดยมีชื่อรุ่นว่า Dominator และ Victor ดังนั้นเราจึงต้องยิ่งทำการตลาดเชิงรุกมากกว่าที่ผ่านมา" วรวิทย์กล่าวด้วยความแจ่มใส
แม้ว่าฐานทางธุรกิจสานต่อกันมาค่อนข้างมั่นคง แต่การวางแผนการขายและโครงสร้างทางธุรกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมในอนาคตก็เป็นโจทย์สำคัญอีกข้อหนึ่ง สาขาล่าสุดของเชียงแสงลำปาง ในอำเภอเถิน บนพื้นที่ 10 ไร่ นับเป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาธุรกิจเพื่อรองรับภาคการขนส่งเส้นทางเศรษฐกิจอาเซียนสาย R3A หลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
นอกจากนี้แผนของการตลาดเชิงรุกที่กำลังบุกพื้นที่เข้าไปให้บริการซ่อมเครื่องยนต์รถบรรทุกในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สสป.ลาวที่กำลังมีโครงการก่อสร้างพื้นฐานมากมายอยู่ในขณะนี้ เริ่มต้นจากการตั้งหน่วยบริการศูนย์ซ่อม รถของลูกค้าในพื้นที่แขวงไชยบุรี และก่อสร้างเป็นศูนย์ซ่อมรถบรรทุกที่มีศักยภาพและทันสมัยพร้อมด้วยทีมงานช่างที่ผ่านการฝึกอบรมมาจาก บริษัท ฮีโน่ประเทศญี่ปุ่นโดยตรง
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1047 วันที่ 25 กันยายน - 1 ตุลาคม 2558)