อาคารที่พักผู้โดยสาร สนามบินลำปางพร้อมหลังปรับแบบโครงการก่อสร้างล่าช้ามา 3 เดือน ล่าสุดจัดวางเฟอร์นิเจอร์ ตรวจเช็คระบบไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ ก่อนเปิดให้บริการ จุดตรวจบัตรโดยสาร ห้องพักผู้โดยสารขาเข้าและขาออก เดือนก.ย.นี้
นายเรืองยุทธ นิตยานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานลำปาง เปิดเผยว่า ตามที่ท่าอากาศยานลำปางได้ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ งบประมาณ 250 ล้านบาท ซึ่งโครงการก่อสร้างล่าช้าและเลื่อนกำหนดเปิดใช้งานมาประมาณ 3 เดือน เนื่องจากการปรับแบบก่อสร้างให้เหมาะสมนั้น ขณะนี้ดำเนินการก่อสร้างตามแผนงานและอยู่ระหว่างจัดวางเฟอร์นิเจอร์ ตรวจสอบความเรียบร้อยของระบบไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ และระบบเครื่องมือที่ใช้ในการจัดการและให้บริการต่างๆให้พร้อม เบื้องต้นคาดว่าจะเปิดใช้งาน ห้องผู้โดยสารขาเข้าและขาออกได้ในเดือน กันยายน 2558 นี้ ซึ่งจะเปิดบริการประมาณ ราว 1-2 เดือนก่อนจะมีพิธีเปิดอาคารอย่างเป็นทางการ
โดยอาคารดังกล่าว ได้แบ่งพื้นที่ใช้สอยส่วนหนึ่งชั้นบนของอาคารเป็นสำนักงานท่าอากาศยานลำปาง และด้านล่างเป็นอาคารที่พักผู้โดยสาร ทั้งขาเข้าและขาออก มีพื้นที่โถงส่วนกลางที่เหมาะสำหรับผู้โดยสารและผู้เกี่ยวข้องกับการเดินทางที่มารอรับ-ส่งผู้โดยสาร ซึ่งบริเวณดังกล่าว จะมีร้านค้าจำหน่ายอาหาร ร้านขายของที่ระลึก โดยร้านค้าที่มีไว้สำหรับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในธุรกิจบริการมากกว่า 10 คูหา นอกจากนี้ยังมีห้องละหมาด ห้องประทับและห้องทรงงานสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ อีกด้วย
จากข้อมูลเดิมจากท่าอากาศยานลำปาง เมื่อเทียบตัวเลขของผู้โดยสารที่เดินทางในช่วงเทศกาล ตั้งแต่ปี 2557 จำนวนผู้เดินทางโดยเครื่องบินเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว โดยเฉพาะหลังจากมีการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ และสายการบินนกแอร์ เพิ่มเที่ยวบินเป็น 3 เที่ยวบินต่อวัน ขณะนี้ได้จัดเคาท์เตอร์บริการสำหรับตรวจบัตรผู้โดยสาร หรือเช็คอิน จำนวน 8 เคาท์เตอร์ เพื่อรองรับการขยายตัวของการให้บริการสายการบินซึ่งอาจจะมีสายการบินอื่นๆเข้ามาเปิดให้บริการในอนาคต โดยขณะนี้ระบบการควบคุมไฟฟ้าและระบบความปลอดภัยทั้งหมดคบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์โดยมีระบบฉุกเฉินรองรับในกรณีไฟฟ้าหรือระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้อง รวมไปถึงที่จอดรถที่กว้างขวางมีพื้นที่จอดรองรับได้มากกว่า 100 คัน

อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานลำปางกล่าวว่า อาคารผู้โดยสารหลังใหม่นี้จะมีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารที่เข้าออกพร้อมกันมากกว่า 100-120 คน ซึ่งในจะต้องมีการขยายรันเวย์ ให้มีศักยภาพรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและประชาคมอาเซียนในอนาคต
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1043 วันที่ 28 สิงหาคม -3 กันยายน 2558)