เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.58 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนครราชสีมา ได้นั่งบัลลังก์ที่ 19 อ่านคำพิพากษา คดีดำเลขที่ อ.2502/57 ระหว่างอัยการจังหวัดนครราชสีมา กับนางเตือนใจ พงษ์พันธ์ กับพวกรวม 16 คน ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ในการสอบเข้าเป็นนายสิบตำรวจของกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 3 สนามสอบจังหวัดนครราชสีมา หนึ่งในนี้มีนายดาชัย อุชุโกศลการ เป็นจำเลยที่ 6
ศาลจังหวัดนครราชสีมา(ศาลชั้นต้น)ได้มีคำพิพากษาจำคุกจำเลย รวม 5 คน ประกอบด้วย นางเตือนใจ พงษ์พันธ์ จำเลยที่ 1 นายธนกร วิเศษ จำเลยที่ 2 นางศตพร วิเศษ จำเลยที่ 3 นาย บุญจันทร์ โคสารคูณ จำเลยที่ 8 มีโทษจำคุกคนละ 20 ปี และ ด.ต.วชิรานุสรณ์ พงษ์พันธ์ จำเลยที่ 9 โทษจำคุก 4 ปี ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและพ.ร.บ.วิทยุสื่อสาร นอกนั้นจำเลยอีก 11 คน ได้รับการยกฟ้อง รวมทั้งนายดาชัย อุชุโกศลการด้วย
แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีการอุทธรณ์หรือไม่ ซึ่งกรณีนี้มีการยกฟ้องไปทั้งหมด 11 ราย มีความเป็นไปได้ที่จะมีการอุทธรณ์คดี ขั้นตอนจะต้องขอคัดสำเนาทั้งหมดก่อน เมื่อมีความเห็นว่าจะอุทธรณ์ก็จะเสนอไปที่ศาลสูงเพื่อขอความเห็นอีกครั้งว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ หากศาลสูงเห็นว่าไม่ควรยื่นอุทธรณ์ ก็จะส่งเรื่องไปยังกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อขอความเห็นว่าจะอุทธรณ์คดีหรือไม่ คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือนในการดำเนินการ
ด้านนายดาชัย อุชุโกศลการ เปิดเผยหลังจากพ้นคดีว่า คดีนี้ได้จับกุมตนไป จ.นครราชสีมาเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.55 และให้ประกันตัวกลับมา แต่จากนั้นก็ไม่เคยเรียกไปสอบสวนอีกเลย จึงคิดว่าจะไม่ถูกส่งฟ้องแล้ว ช่วงเดือน ก.ค.57 สำนักงานอัยการ จ.นครราชสีมา มีหนังสือหมายเรียกมาและให้นำหลักทรัพย์ไปประกันตัว แต่กลับส่งตัวเข้าเรือนจำโดยไม่ให้มีการประกันตัว
นายดาชัย กล่าวว่า คดีนี้ยกฟ้องจำนวน 11 คน จากทั้งหมด 16 คน จำเลยที่ 1 ถูกจำคุก 80 ปี แต่ตามกฎหมายบังคับไว้ติดคุกได้ไม่เกิน 20 ปี หลักฐานชัดที่ว่า มีการโอนเงินเข้าบัญชี มีการทำสัญญาเงินกู้ไว้เรียบร้อย ผู้เสียหายทั้งหมดมี 156 คน จับนางเตือนใจได้ค้นในรถพบรายชื่อ 100 คน แต่มีผู้เสียหายมาแจ้งความ 44 คน ประเมินได้ว่าโดนเก็บเงินมาคนละ 3-4 แสนบาท แต่ทำไมอีก 100 กว่าคนไม่แจ้ง ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนของนางเตือนใจที่เป็นข้าราชการทั้งนั้น ถ้าแจ้งความก็จะโดนข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนด้วย เมื่อศาลสืบไปมาพบว่ากลุ่มนี้ติดคุกแน่นอน กลุ่มที่ไม่แจ้งจึงเริ่มทยอยมาแจ้งเพิ่ม ซึ่งศาลก็ไม่รับแล้ว
“ในตอนที่สืบคดีอัยการไม่ถามผมสักคำ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผมเลย มีคนซัดทอดผมจริง หลายเรื่อง เขาให้การว่าเมื่อปี 50 เคยโอนเงินเข้าบัญชีผม 4 หมื่นบาท เคยติดต่อกันมา 10 ปีแล้ว เคยเอาลูกค้ามาส่งให้ผม แต่เขาไม่ได้บอกว่าชื่อนายดาชัย อุชุโกศลการ แต่ตำรวจเอารูปจากทะเบียนราษฎร์มาให้เขาดู เขาก็บอกว่าใช่คนนี้คือนายดาชัย แต่เขาไม่ได้บอกว่านายดาชัยคือคนที่เขาติดต่องานด้วย ตำรวจได้ออกหมายจับผม ก็มาเบิกความว่าเขาเอาเงินมาให้ ศาลเรียกให้ผมลุกขึ้น และถามเขาว่าคนที่คุณโอนเงินให้ คนที่ติดต่อคือนายดาชัย อุชุโกศลการ จำเลยที่ 6 หรือเปล่า เขาบอกว่าไม่ใช่ และหลักฐานที่ตำรวจค้นมาจากข้อมูลบันทึกการใช้โทรศัพท์ ผมใช้เบอร์นี้มา 20 ปี แล้ว ไม่ปรากฏว่ากลุ่มผู้ต้องหาเคยโทรหาผมแม้แต่ครั้งเดียว บัญชีการโอนเงินก็ตรวจสอบทุกบัญชี ก็ไม่พบว่ามีการโอนเงินมาให้ผม”
นายดาชัย กล่าวอีกว่า ถึงจะมีการยื่นอุทธรณ์ตนก็ไม่เดือดร้อน เพราะมั่นใจว่าไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเองแน่นอน
เมื่อสอบถามถึงแนวทางการเมือง นายดาชัย กล่าวว่า ตนจะลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ลำปางอย่างแน่นอน ส่วนสนาม อบจ.ลำปางนั้น ตอนนี้ยังไม่หมดวาระ และคาดว่าจะมีการเลือกตั้งหลัง ส.ส. ก็ต้องรอดูสถานการณ์ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร เราเป็นนักการเมืองมีสนามให้ขึ้นชกเราก็ชก