วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559

'ไม่เกี่ยวข้องแม้เปอร์เซ็นต์เดียว'


ยกฟ้องดาชัยพ้นคดีโกงสอบตำรวจ  ไม่หวั่นหากมีการยื่นอุทธรณ์   มั่นใจไม่เกี่ยวข้องแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว

เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.58 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนครราชสีมา ได้นั่งบัลลังก์ที่ 19 อ่านคำพิพากษา คดีดำเลขที่ อ.2502/57  ระหว่างอัยการจังหวัดนครราชสีมา กับนางเตือนใจ พงษ์พันธ์ กับพวกรวม 16 คน   ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน  ในการสอบเข้าเป็นนายสิบตำรวจของกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 3  สนามสอบจังหวัดนครราชสีมา  หนึ่งในนี้มีนายดาชัย อุชุโกศลการ เป็นจำเลยที่ 6 

ศาลจังหวัดนครราชสีมา(ศาลชั้นต้น)ได้มีคำพิพากษาจำคุกจำเลย รวม 5  คน  ประกอบด้วย นางเตือนใจ  พงษ์พันธ์  จำเลยที่ 1  นายธนกร  วิเศษ  จำเลยที่ 2   นางศตพร  วิเศษ   จำเลยที่ 3   นาย บุญจันทร์   โคสารคูณ  จำเลยที่ 8  มีโทษจำคุกคนละ 20  ปี   และ ด.ต.วชิรานุสรณ์  พงษ์พันธ์  จำเลยที่ 9 โทษจำคุก 4 ปี  ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและพ.ร.บ.วิทยุสื่อสาร   นอกนั้นจำเลยอีก 11 คน ได้รับการยกฟ้อง  รวมทั้งนายดาชัย อุชุโกศลการด้วย

แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า  จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีการอุทธรณ์หรือไม่  ซึ่งกรณีนี้มีการยกฟ้องไปทั้งหมด 11 ราย  มีความเป็นไปได้ที่จะมีการอุทธรณ์คดี   ขั้นตอนจะต้องขอคัดสำเนาทั้งหมดก่อน  เมื่อมีความเห็นว่าจะอุทธรณ์ก็จะเสนอไปที่ศาลสูงเพื่อขอความเห็นอีกครั้งว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่   หากศาลสูงเห็นว่าไม่ควรยื่นอุทธรณ์ ก็จะส่งเรื่องไปยังกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อขอความเห็นว่าจะอุทธรณ์คดีหรือไม่  คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือนในการดำเนินการ

ด้านนายดาชัย  อุชุโกศลการ  เปิดเผยหลังจากพ้นคดีว่า  คดีนี้ได้จับกุมตนไป จ.นครราชสีมาเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.55  และให้ประกันตัวกลับมา  แต่จากนั้นก็ไม่เคยเรียกไปสอบสวนอีกเลย จึงคิดว่าจะไม่ถูกส่งฟ้องแล้ว  ช่วงเดือน ก.ค.57 สำนักงานอัยการ จ.นครราชสีมา มีหนังสือหมายเรียกมาและให้นำหลักทรัพย์ไปประกันตัว   แต่กลับส่งตัวเข้าเรือนจำโดยไม่ให้มีการประกันตัว  

นายดาชัย กล่าวว่า  คดีนี้ยกฟ้องจำนวน 11 คน จากทั้งหมด 16 คน  จำเลยที่ 1 ถูกจำคุก 80 ปี แต่ตามกฎหมายบังคับไว้ติดคุกได้ไม่เกิน 20 ปี  หลักฐานชัดที่ว่า มีการโอนเงินเข้าบัญชี มีการทำสัญญาเงินกู้ไว้เรียบร้อย  ผู้เสียหายทั้งหมดมี 156 คน  จับนางเตือนใจได้ค้นในรถพบรายชื่อ 100 คน  แต่มีผู้เสียหายมาแจ้งความ 44 คน ประเมินได้ว่าโดนเก็บเงินมาคนละ 3-4 แสนบาท  แต่ทำไมอีก 100 กว่าคนไม่แจ้ง ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนของนางเตือนใจที่เป็นข้าราชการทั้งนั้น ถ้าแจ้งความก็จะโดนข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนด้วย เมื่อศาลสืบไปมาพบว่ากลุ่มนี้ติดคุกแน่นอน กลุ่มที่ไม่แจ้งจึงเริ่มทยอยมาแจ้งเพิ่ม ซึ่งศาลก็ไม่รับแล้ว

“ในตอนที่สืบคดีอัยการไม่ถามผมสักคำ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผมเลย  มีคนซัดทอดผมจริง หลายเรื่อง   เขาให้การว่าเมื่อปี 50 เคยโอนเงินเข้าบัญชีผม 4 หมื่นบาท เคยติดต่อกันมา 10 ปีแล้ว เคยเอาลูกค้ามาส่งให้ผม แต่เขาไม่ได้บอกว่าชื่อนายดาชัย อุชุโกศลการ   แต่ตำรวจเอารูปจากทะเบียนราษฎร์มาให้เขาดู  เขาก็บอกว่าใช่คนนี้คือนายดาชัย  แต่เขาไม่ได้บอกว่านายดาชัยคือคนที่เขาติดต่องานด้วย  ตำรวจได้ออกหมายจับผม  ก็มาเบิกความว่าเขาเอาเงินมาให้  ศาลเรียกให้ผมลุกขึ้น และถามเขาว่าคนที่คุณโอนเงินให้ คนที่ติดต่อคือนายดาชัย อุชุโกศลการ จำเลยที่ 6 หรือเปล่า เขาบอกว่าไม่ใช่   และหลักฐานที่ตำรวจค้นมาจากข้อมูลบันทึกการใช้โทรศัพท์  ผมใช้เบอร์นี้มา 20 ปี แล้ว ไม่ปรากฏว่ากลุ่มผู้ต้องหาเคยโทรหาผมแม้แต่ครั้งเดียว  บัญชีการโอนเงินก็ตรวจสอบทุกบัญชี ก็ไม่พบว่ามีการโอนเงินมาให้ผม”

นายดาชัย กล่าวอีกว่า  ถึงจะมีการยื่นอุทธรณ์ตนก็ไม่เดือดร้อน เพราะมั่นใจว่าไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเองแน่นอน    

เมื่อสอบถามถึงแนวทางการเมือง นายดาชัย กล่าวว่า  ตนจะลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ลำปางอย่างแน่นอน ส่วนสนาม อบจ.ลำปางนั้น ตอนนี้ยังไม่หมดวาระ  และคาดว่าจะมีการเลือกตั้งหลัง ส.ส. ก็ต้องรอดูสถานการณ์ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร  เราเป็นนักการเมืองมีสนามให้ขึ้นชกเราก็ชก 

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1061 วันที่ 8 - 14 มกราคม 2559)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์