ในภาวะเศรษฐกิจผันแปรตลาดสินค้ามือสองกลายเป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภค โดยเฉพาะสินค้ามือสองนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นกำลังเป็นที่นิยมทั่วไป ในจังหวัดลำปางเริ่มมีธุรกิจร้านค้าขายของมือสองจากญี่ปุ่นตามเปิดหน้าร้านและวางยายตามตลาดนัดมากขึ้น
เช่นเดียวอำไพ คำภีระ เจ้าของธุรกิจร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 3 สาขาในลำปางหันมาจับธุรกิจขายส่งสินค้ามือสองนำเข้าจากญี่ปุ่นรายใหญ่ เป็นรายแรกของจังหวัดลำปาง โดยมีเอกภักดิ์วิญญาภาพ ลูกชายคนโตเป็นผู้ดูแลกิจการ ในนามธุรกิจ โกดังสินค้าญี่ปุ่น “ฮิเมจิ” ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดดำรงธรรม ย่านสวนสาธารณะเขลางค์นคร ซึ่งมีโกดังขายส่งเสื้อผ้ามือสองจากญี่ปุ่น ขนาดใหญ่มีสินค้า สต๊อคครั้งละ 26 ตัน และมีหน้าร้านขายปลีกอยู่ที่ตึกแถวใกล้ๆ
“สินค้ามือสองจากญี่ปุ่นเป็นธุรกิจที่เราสนใจและคิดว่าน่าจะเป็นธุรกิจที่ดีอีกตัวหนึ่ง จากพื้นฐานเป็นคนชอบค้าขาย ชอบทำธุรกิจ และเป็นคนชอบซื้อเสื้อผ้า มองว่าตลาดนี้น่าจะไปได้ดีเพราะเคยเปิดร้านขายของมือสอง โดยเอาของจากที่บ้านมาขาย ก็มีลูกค้าในใจซื้อ ประกอบกับไปญี่ปุ่นบ่อยเพราะน้องสาว มีครอบครัวอยู่ที่ญี่ปุ่น เห็นว่ามีธุรกิจร้านรีไซเคิล ขายของมือสองที่ญี่ปุ่นก็สนใจอยากเอามาขายบ้างติดต่อกันหลายปี เพราะเขาไม่เชื่อว่าเราจะทำจริง และสินค้าของเองก็มีลูกค้ารายใหญ่ซื้อหลายเจ้า สุดท้ายเราก็ไปเจรจาการค้าขอสั่งซื้อสำเร็จ จึงวางแผนเรื่องคลังสินค้าและกระบวนการนำเข้า และขนส่งเข้ามาเปิดเป็นคลังสินค้าขายส่ง และมีร้านขายปลีกด้วยเพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือก หลักการของพี่คือ เมื่อประเมินแล้วคิดว่าน่าจะเป็นธุรกิจที่ไปได้ ก็ลงมือทำเลย การตัดสินใจลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ ทำก่อนได้ก่อน ทำเร็วได้เร็ว และทำทุกอย่างที่เห็นช่องทางมีกำไร ได้เงิน” อำไพ เล่าถึงที่มาของธุรกิจนี้อย่างมุ่งมั่นแต่เปี่ยมด้วยอารมณ์แจ่มใส
เอกภักดิ์วิญญาภาพ(โจ้)ในฐานะเจ้าของและผู้จัดการคลังสินค้าญี่ปุ่น "ฮิเมจิ" เล่าว่า เส้นทางของการนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น ไม่ใช่เรื่องงาย เพราะเรื่องของคุณภาพสินค้าต้องมาเป็นอันดับแรก เขาเลือกสั่งซื้อสินค้าจากคลังรีไซเคิลที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคลังรวมสินค้าที่รับซื้อจากประชาชนชาวญี่ปุ่นก่อนจะขายส่งไปยังโรงงานคัดแยก ซึ่งส่วนใหญ่จะขายเสื้อผ้าที่ใช้แล้วในหนึ่งฤดูกาล และส่วนใหญ่ชาวญี่ปุ่นจะไม่เก็บของใช้จำนวนมากในบ้าน เมื่อซื้อของใหม่เข้าบ้านจะขายของเก่าทันทีแม้จะยังใช้งานได้ดีก็ตาม ดังนั้นสินค้าบางส่วนยังเป็นของใหม่และของมือสองที่มีสภาพดีผ่านการใช้งานในระยะสั้นๆ
“การนำเข้าสินค้าของเราจะสั่งตรงจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งเราสั่งซื้อยกตู้คอนเทนเนอร์มาทางเรือเที่ยวละ 26 ตัน เป็นสินค้าประเภทเสื้อผ้าคละแบบ ขายส่งยกแพ็คเป็นกิโลกรัม(กก.) โดยแพ็ค50ก.ก.ขาย ก.ก ละ 85 บาท) ตกกระสอบละ4,250 บาทเป็นกระสอบเล็กเหมาะกับร้านแผงลอย หรือตลาดนัดแพ็คขนาด 200 ก.ก.ขาย ก.ก ละ 75 บาทตกกระสอบละ 15,000 บาทจะเหมาะกับร้านขนาดเล็กที่ต้องการเริ่มธุรกิจ แพ็ค500 ก.ก.ขาย ก.ก. ละ 65 บาท อยู่ที่ราคากระสอบ32,500 บาท เหมาะสำหรับร้านขนาดกลางที่ต้องการมี stock ของหลังร้าน ส่วนแพ็คใหญ่สุดแพ็ค1,000 ก.ก.ขาย ก.ก. ละ 55 บาท กระสอบละ 55,000 บาทสำหรับร้านขนาดใหญ่ที่ ต้องการขายของมือสอง ครบวงจรเมื่อลูกค้านำไปขายปลีกจะได้กำไรมากกว่า 50-100% ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่เคยซื้อขายกันอยู่แล้ว บางส่วนเป็นร้านขายเสื้อผ้ามือสองในลำปาง และจังหวัดใกล้เคียง ส่วนขายปลีกที่ร้านขายเป็นกรัม ซึ่งในร้านของเราจะเป็นสินค้าที่ผ่านการซักรีดและคัดแยกประเภทสินค้าแล้ว”
อย่างไรก็ตามในแง่ของธุรกิจมองว่า ธุรกิจนี้ยังมีแนวโน้มที่จะอยู่ได้ในตลาดขายปลีกและขายส่ง เพราะ ความได้เปรียบของสินค้า ที่ เป็นสินค้ารวม ไม่ผ่านการคัดแยก ลูกค้า สามารถนำไปทำกำไร และส่วนหนึ่งจะมีสินค้าแบรนด์เนมที่ทำกำไรขายปลีกได้ค่อนข้างมาก และที่นี่คลังเป็นแห่งเดียวในลำปางที่นำสินค้าเข้ามาโดยไม่ผ่านคนกลาง ส่งผลให้ราคาขายส่งค่อนข้างมีราคาต่ำกว่าที่ซื้อจากคลังในกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันมองว่า หากดำเนินการไประยะหนึ่ง จะวางแผนขยายสาขา เพื่อเพิ่มทางเลือกและช่องทางการรับสินค้า ให้ลูกค้า รับสินค้าได้หลายจุดมากขึ้น
จากการสำรวจ ร้านขายสินค้าเสื้อผ้ามือสองในจังหวัดลำปาง ยังมีหลายแห่งมากกว่า 10 รายในเขตอำเภอเมือง ที่เปิดดำเนินการมานกว่า 10 ปี ยังคงมีลูกค้าขายปลีกอย่างต่อเนื่อง
อนุรักษ์ (ต่าย) และศิริพรเขมรัฐสุธี เจ้าของร้านขายเสื้อกันหนาวมือสอง หน้ามูลนิธิบุญกว้าง เจ้าดั้งเดิมในลำปาง ซึ่งเปิดมานานกว่า 20 ปี กล่าวว่า เปิดร้านขายเสื้อกันหนาวมานานกว่า 20 ปียังมีลูกค้าตลาดนี้ต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้ากลุ่มคนทำงาน นักกีฬา และกลุ่มคนที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศที่อุณหภูมิติดลบโดย มีรอบสั่งซื้อ ประมาณ ไม่น้อยกว่า 1,000 ก.ก. นำมาซักรีดขายปลีก เป็นตัว ราคาเฉลี่ยตั้งแต่หลักร้อยบาทถึงหลักพันบาท
“สินค้าเสื้อผ้ามือสองส่วนใหญ่ เป็นสินค้านำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น บางส่วนมาจากเกาหลีแต่น้อยมาก เนื่องจากสินค้าจากญี่ปุ่นมีคุณภาพดีและมีปริมาณสินค้าแบรนด์เนมมากกว่า สินค้าจากเกาหลีที่ร้านขายทั้งเสื้อกันหนาว ประเภท เสื้อหนัง เสื้อโค้ทกันหนาว เสื้อขนเป็ดแบบต่างๆ ขายตั้งแต่ช่วงเดือน ตุลาคม จนถึงเดือน กุมภาพันธ์ และเสื้อเนื้อผ้าร่มสำหรับฤดูทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือน กันยายน ลูกค้าที่มาหาซื้อเสื้อส่วนใหญ่เป็น กลุ่มที่นิยมยี่ห้อดีจากต่างประเทศ เช่น NIKE, UNIQLO, FILA,ARROW ฯลฯ แม้กระทั่งเสื้อหายาก อย่างเช่น เสื้อนักบินจากสหรัฐอเมริกา เสื้อแจ็คเก็ตลายปักญี่ปุ่นที่นักสะสมชื่นชอบ เสื้อกันหนาวแบบหนังยี่ห้อดังทุกยี่ห้อก็สามารถหาได้ที่นี่ในราคาพันต้นๆ ถ้าเป็นยี่ห้อทั่วไปก็ ราคาหลักร้อย ลูกค้าอีกส่วนหนึ่งที่เราขายส่งให้เป็นกลุ่มที่ซื้อไปขายตามตลาดต่างอำเภอ หรือขายตามตลาดนัดแต่มีน้อยมากเพราะเราเน้นขายหน้าร้านมากกว่าขายส่ง”
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1066 วันที่ 12 - 18กุมภาพันธ์ 2559)