
ราว 3 ปีแล้วที่จอกหูหนู รุกเข้าไปลอยเต็มผืนน้ำจาง แม่ทะ และปีนี้ปลาขนาดใหญ่หลายพันธุ์ ลอยปริ่มน้ำ คล้ายขาดอากาศหายใจ หลายตัวตายเกลื่อน นี่เป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ปลาน็อค หรือ Fish Kill เป็นปรากฏการณ์ร่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ บางพลี สมุทรปราการ รังสิต ปทุมธานี และที่อื่นๆ
ปรากฏการณ์ปลาน็อคนั้น เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติบางส่วน แต่ส่วนใหญ่เป็นฝีมือของมนุษย์ เป็นผลมาจากการปล่อยปละละเลยให้วัชพืชบุกผืนน้ำ
อีกทั้งการปล่อยน้ำเสียลงผืนน้ำทั้งจากชาวบ้าน และโรงงานอุตสาหกรรม
เป็นการซ้ำเติมภาวะน้ำเสียให้หนักหน่วงรุนแรงมากขึ้น
ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า
บริเวณที่ปลาตายอยู่ที่จุดอนุรักษ์พันธ์สัตว์น้ำ เขตอภัยทาน
ท้ายฝ้ายกั้นน้ำบ้านน้ำโท้ง หมู่ 1 ต.นาครัว อ.แม่ทะ มีปลาขนาดใหญ่ลอยตายจำนวนมาก ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วท้องน้ำ
น้ำมีสีออกเขียวขุ่น มีฟอง และบริเวณฝายมีคราบสีขาวจับตัวเป็นทางยาวทั่วฝายตรงจุดที่น้ำไหลผ่าน
“ปลาน็อคน้ำเกิดขึ้นมาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฏาคมที่ผ่านมา ในพื้นที่มีฝนตกลงมาแต่ไม่มากน้ำ
น้ำเพิ่มปริมาณขึ้นนิดหน่อย แต่ที่ผ่านมาน้ำนิ่งไม่มีการไหล เพราะแม่เมาะก็ไม่ได้ปล่อยน้ำมาให้
ที่นั่นไม่มีน้ำเช่นกัน เมื่อฝนตกลงมาก็ส่งผลดีแก่เกษตรกรทำนาข้าว
แต่ส่งผลทำให้ปลาน้อยใหญ่ลอยตัวขึ้นมาผิวน้ำและชาวบ้านต่างแห่แหนกันไปจับมาขายและปรุงเป็นอาหารจำนวนมาก..”
อำพล
สายก้อน ชาวบ้านน้ำโท้ง เล่าให้ฟัง
ประมง
เชียงราย อธิบายสาเหตุปลาน็อคน้ำในเชิงวิชาการว่า
ปกติอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
ในช่วงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ฝนตก เกิดการหมักหมมของเศษอาหาร หรือเกิดอากาศปิด
หรือเกิดจากสารพิษที่ไหลลงบ่อ นั่นเป็นกรณีปลาเลี้ยง
ในกรณีสารพิษจากธรรมชาติ
เกิดจากการเน่าของทุ่งหญ้าในที่ลุ่มขบวนการเน่าของหญ้า จะเกิดสารต่างๆ
ที่เป็นพิษต่อสัตว์น้ำเกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก
หากมีการจัดระบายน้ำที่ไม่เหมาะสม จะก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากต่อแหล่งน้ำ
ทั้งในเชิงธุรกิจและนิเวศวิทยา
สำหรับกรณีแม่น้ำจาง
สาเหตุหลักน่าจะมาจากการไหลเข้ามาและทับถมอยู่ในลำน้ำของจอกหูหนู ร่วมกับภาวะเกิดสารพิษเพราะการเน่าของสิ่งมีชีวิต
หรือ การหมักหมมของตะกอน
หรือเกิดจากการขุ่นของแหล่งน้ำทำให้การสังเคราะห์แสงของพืชน้ำน้อยลง
หรือเกิดจากฝนตกหนักมีการชะล้างของเสียจากผิวดินลงสู่แม่น้ำก็จะทำให้เกิดการใช้ออกซิเจนจำนวนมากของของเสียเหล่านั้น
ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ปลาตายได้ทั้งสิ้น
ปลาที่พร้อมใจกันตาย
ไม่ได้มีเฉพาะแหล่งน้ำจืดเท่านั้น
แต่น้ำทะเลก็พบปรากฏการณ์ปลาตายเกยหาดจำนวนมากด้วย จากสาเหตุสำคัญที่เรียกว่า น้ำเปลี่ยนสี
อาจจะคล้ายๆกับจอก เมื่อสาหร่าย และพืชน้ำเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
สาหร่ายที่หนาแน่น จะไปกั้นแสงอาทิตย์ ให้ส่องผ่านลงไปใต้น้ำได้น้อย
ทำให้พืชที่อาศัยอยู่ใต้น้ำตายเพราะไม่สามารถสังเคราะห์แสง และสร้างอาหารได้
เมื่อพืชน้ำตาย ก็จะทำให้สัตว์อื่นที่กินพืชน้ำเป็นอาหาร
ตายตามไปด้วยเพราะไม่มีแหล่งอาหาร
และเมื่อสาหร่ายตาย และถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์
ซึ่งใช้ออกซิเจนในการย่อยสลาย จะทำให้ปริมาณออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำลดลง เกิดเป็นภาวะน้ำขาดออกซิเจนขึ้น
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้ำ ก็จะตายในที่สุด เพราะไม่มีออกซิเจนในการหายใจ
ปรากฎการณ์น้ำเปลี่ยนสีในทะเล จะมีลักษณะเป็นตะกอนแขวนลอยในน้ำ เป็นหย่อม
หรือแถบยาว มีแนวตามทิศทางของกระแสลมและคลื่น ชาวประมงเรียกว่า "ขี้ปลาวาฬ"
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำบางชนิดได้
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1087 วันที่ 15 - 21 กรกฎาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น