
อาการเหิรน้ำ หรือ Hydro Planning ที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิด อาการหน้าดื้อเลี้ยวไม่เข้าโค้ง หรือท้ายปัด จนเกิดเหตุที่เราเรียกแบบภาษาปากว่า "รถแฉลบ" หลุดลงข้างทาง คือการที่ยางของรถหมุนลอยตัวอยู่บนผิวน้ำ (ถนนที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ) โดยยางจะไม่ได้สัมผัสกับพื้นถนนเลย จึงไหลเหมือนสกีไปตามโมเมนตัมของรถ ผู้ขับจะควบคุมรถได้ยาก หรือไม่สามารถควบคุมรถได้อีกต่อไป
ทำไมยางจึงลอยตัวอยู่ที่ผิวน้ำได้ล่ะ
มี 4 องค์ประกอบครับ คือ
· รูปแบบและความตื้นลึกของดอกยางโดยพื้นฐานแล้วยางใหม่ๆ ออกโรงงานมาเลย ก็มีรูปแบบของดอกยางต่างกัน
ประสิทธิภาพในการรีดน้ำก็ต่างกัน ความกว้างของหน้ายาง
และการยืดหยุ่นของโครงสร้างยาง ลมยางอ่อนแข็ง
ล้วนมีผลทั้งสิ้นกับการรีดน้ำของยางเส้นนั้นๆ ยิ่งหากใช้ยางมาหลายหมื่นกิโลเมตรจน
"ร่อง" ยางตื้นลง นั่นก็ยิ่งทำให้ความสามารถในการรีดน้ำลดทอนลงไป
· น้ำหนักของรถรถขนาดเล็กที่มีน้ำหนักเบา หนีหลักกลศาสตร์ธรรมชาติไม่พ้นครับ
เมื่อวิ่งด้วยความเร็วเท่ากันกับรถที่มีน้ำหนักมากกว่าบนพื้นถนนที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ
เมื่อมีน้ำหนักกดไม่เท่ากัน
ยางก็มีโอกาสตัดน้ำบนพื้นถนนได้น้อยกว่ารถที่มีน้ำหนักมากกว่า รถเล็กที่ชอบเปลี่ยนขนาดหน้ายางที่กว้างขึ้น
โดยเฉพาะพวกชอบเปลี่ยนล้อและยางโอเวอร์ไซส์
ซึ่งจะให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะที่ดีขึ้นบนถนนแห้ง
แต่ประสิทธิภาพจะกลับกันจนถึงขั้นแย่เอามากๆ เมื่อวิ่งบนถนนเปียก
· · ปริมาณน้ำที่เจิ่งนองบนถนนแม้ระดับน้ำสูงไม่ถึงครึ่งเซนติเมตร
แค่นี้ก็มากพอที่จะทำให้รถที่วิ่งมาในความเร็วหนึ่งๆ
ซึ่งร่องยางไม่สามารถรีดน้ำออกจากหน้ายางได้ทัน ก็ทำให้เกิดอาการเหิรน้ำได้แล้ว
คิดง่ายๆ ครับปริมาณน้ำบนพื้นถนนยิ่งสูงเท่าไหร่ยิ่งรีดน้ำยากขึ้นเท่านั้น
· · ความเร็วในการขับขี่ยิ่งล้อหมุนเร็วเท่าไหร่ อัตราการรีดน้ำออกจากหน้ายางต่อวินาทีก็ยิ่งมีเวลาให้รีดน้อยลง
นั่นคือประสิทธิภาพในการรีดน้ำลดลง
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1087 วันที่ 15 - 21 กรกฎาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น