
ในฤดูฝนนั้น การเตรียมยางปัดน้ำฝนให้อยู่ในสภาพที่ดี เป็นเรื่องจำเป็น เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยโดยตรง โดยเฉพาะขณะขับกลางฝนในเวลากลางคืน การตรวจสภาพยางปัดน้ำฝนไม่ใช่ดูที่เนื้อยางว่ายังไม่เสื่อมหรือยังไม่ฉีกขาดนะครับ ต้องดูที่ความสามารถในการกวาดหยดน้ำที่ผิวกระจกว่าเกลี้ยงหรือไม่ เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งที่ผู้ขับรู้ดีที่สุด อย่าไปหวังพึ่งพาช่างให้ตรวจให้
ถ้าเอายางปัดน้ำฝนมาดูผ่านแว่นขยาย
เราจะเห็นว่าตรง "คม" ของมันมีลักษณะเป็นมุมฉาก
แต่ละมุมจะทำหน้าที่กวาดน้ำทางใดทางหนึ่งโดยเฉพาะ เพราะขณะทำงาน
ยางปัดน้ำฝนจะลู่เอนเล็กน้อย มุมฉากนี้จะมีรูปทรงพิเศษเฉพาะ
ซึ่งได้จากการวิจัยทดสอบกันมาหลายสิบปี ว่ากวาดน้ำได้เกลี้ยง ไม่ส่งเสียงดัง
และมีอายุใช้งานนานเพียงพอด้วย
ถ้ารูปทรงนี้ผิดเพี้ยนไปเพราะความสึกหรอ
แม้จะใช้งานอย่างถูกวิธีก็ตาม มันก็จะกวาดน้ำได้ไม่หมด
และไม่จำเป็นต้องสึกพร้อมกันในอัตราเท่ากันด้วย เราจึงพบอยู่บ่อยๆ ว่า
มันจะกวาดน้ำในทิศทางหนึ่ง "แย่" กว่าอีกทิศหนึ่ง
เมื่อใดที่ยางปัดน้ำฝนกวาดน้ำจากผิวกระจกได้ไม่เกลี้ยง รีบเปลี่ยนใหม่ทันทีครับ
ส่วนใหญ่มีขายเป็นใบสำเร็จรูป คือ มีโครงโลหะมาให้เสร็จ
เพราะแบบที่แกะเปลี่ยนเฉพาะเส้นยางนั้นยุ่งยากและต้องใช้ฝีมือเชิงช่างพอสมควร
ราคาก็ไม่แพง ถ้าหาซื้อมาเปลี่ยนเองก็ประมาณใบละ 100 กว่าบาทสำหรับรถทั่วๆ ไป
ส่วนรถราคาแพงที่มีรูปแบบใบปัดน้ำฝนค่อนข้างพิเศษหายาก อาจจะโดน
"ขูดเลือด" ถึงใบละเกิน 1,000 บาทก็ได้
สำหรับผู้ที่ยังไม่มีความเชื่อมั่นในการตรวจสอบหรือตัดสินใจ
มีวิธีง่ายๆ ครับ คือ เปลี่ยนใหม่ปีละชุดทุกต้นฤดูฝน
ไม่ต้องกลัวว่าจะบ่อยไปหรือสิ้นเปลือง เพราะอายุของมันก็อยู่ในช่วงประมาณที่ว่านี้
นี่หมายถึงใช้งานมันอย่างถูกต้องแล้วนะครับ ถ้าใช้ผิดวิธีวันเดียวก็พังแล้ว
วิธีใช้งานที่ถูกต้องมีดังนี้ครับ
- ห้ามใช้งานขณะกระจกแห้งเด็ดขาด
- น้ำฉีดกระจกต้องมีปริมาณเพียงพออยู่ตลอดเวลา
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1089 วันที่ 29 กรกฎาคม - 4 สิงหาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น