ชาวบ้านสิงห์ชัยรวมตัวขอความเป็นธรรมให้ลุงแก้วมูล วัย 77 ปี ถูกเทศบาลฯฟ้องไล่ที่ เจ้าตัวเผยขอตายที่บ้านหลังนี้เพราะไม่มีที่อยู่ ส่วนเพื่อนบ้านระบุบ้านพักปัจจุบันก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ด้านกิตติภูมิไม่ขอพูดอะไร อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานชี้แจงสังคม
เมื่อวันที่
27 ก.ย.59 ที่บริเวณบ้านเลขที่ 343/1 ถ.เม็งราย
ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง ชาวบ้านชุมชนสิงห์ชัย เทศบาลนครลำปาง นำโดยนางจุรีย์
ยิ้มอ่อน พร้อมด้วยชาวบ้านร่วม 30 คน
ได้มารวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือและขอความเป็นธรรมให้กับนายแก้วมูล ศรีสุข อายุ 77 ปี
ซึ่งพักอาศัยในบ้านหลังดังกล่าวมาตลอดชั่วชีวิตตั้งแต่สมัยคุณพ่อรวมแล้วกว่า 70
ปีแล้ว หลังถูกเทศบาลนครลำปางส่งเรื่องให้พนักงานอัยการฟ้องให้ขับไล่ออกจากพื้นที่
ซึ่งเทศบาลนครลำปางระบุว่าเป็นที่สาธารณะ
โดย
พ.ต.ท. นิมิตร เอ๋ยานะ พนักงานอัยการจังหวัดลำปาง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายแก้วมูล
ศรีสุข เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดลำปาง ในคดีหมายเลขดำที่ 1624/2559
ในฐานความผิดเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครองและโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ก่อสร้าง ต่อเติมและดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น
ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น
พนักงานอัยการได้บรรยายฟ้องว่าเมื่อวันที่
14 ส.ค.57 เวลากลางวัน
จำเลยได้บังอาจครอบครองที่ดินบริเวณซอยพระธาตุป่าเผ่าข้างโรงแรมทิพย์ช้าง ถ.เม็งราย
ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง จำนวนพื้นที่ 19.3 ตารางวา ซึ่งเป็นทางสาธารณประโยชน์ของแผ่นดินสำหรับประชาชนใช้ร่วมกัน
และเป็นที่ดินของรัฐซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลของเทศบาลนครลำปาง โดยจำเลยได้สร้างบ้านหรืออาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก1ชั้น
สำหรับพักอาศัย โดยจำเลยไม่มีสิทธิครอบครองและมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
ต่อมาเมื่อวันที่
30 เม.ย.58
เจ้าพนักงานเทศบาลนครลำปางตรวจพบการกระทำผิดจึงมีคำสั่งให้รื้อถอนอาคารที่ดำเนินการดังกล่าวออกภายใน
60 วัน นับแต่วันที่จำเลยทราบคำสั่ง และเทศบาลนครลำปางได้ออกหนังสืออีกครั้งเมื่อวันที่
6 ก.ค.58 ให้จำเลยรื้อถอนอาคารดังกล่าวอีกครั้ง แต่จำเลยมิได้ปฏิบัติตาม
เจ้าพนักงานเทศบาลนครลำปางจึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง
และศาลนัดสั่งคำสั่งในเดือน พ.ย.59 นี้
ด้านนายแก้วมูล กล่าวว่า บ้านที่ตนเองพักอาศัยปัจจุบันอยู่ในสภาพทรุดโทรม
ได้อาศัยมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อ ตั้งแต่กว่า 70 ปีแล้ว
เมื่อก่อนที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นป่ารกทึบไม่มีผู้อยู่อาศัย
คุณพ่อของตนเองได้มาบุกเบิกและสร้างบ้านเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยในที่แห่งนี้มาโดยตลอด
จนกระทั่งตนเองได้ทำงานเป็นลูกจ้างประจำของเทศบาลเมืองลำปางเป็นพนักงานกวาดขยะ
ทางนายกเทศมนตรีก็อนุเคราะห์ตนเองและครอบครัวให้อยู่ที่นี้ตามเดิม
เพราะตนเองอาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิดแล้ว และไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ปัจจุบันตนเองก็ไม่ได้ทำงานแล้วเนื่องจากอายุมาก
ได้รับเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ700บาท และไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน จึงจะขอตายที่นี่
ขอความเมตตาให้ตนเองอยู่ที่นี่ต่อไป
ขณะที่เพื่อนบ้านที่มาร่วมขอความเป็นธรรมให้กับนายแก้วมูล
ระบุว่า ตนเห็นครอบครัวนี้อาศัยอยู่ที่แห่งนี้มาตั้งแต่เด็กๆ
คนในชุมชนรักลุงแก้วมูล และลุงก็ไม่เคยทำความเดือดร้อนให้ใครเวลามีงานส่วนรวมลุงแก้วมูลจะไปช่วยเหลือเสมอ
จนถึงปัจจุบันที่อายุมากขึ้นและทำงานไม่ค่อยได้
จึงอยากขอความเห็นใจให้กับครอบครัวของลุงแก้วมูล เพราะฐานะก็ยากจนบ้านที่พักอาศัยก็ทรุดโทรมรายได้ก็ไม่มากต้องอยู่อาศัยกันตั้ง
5 ชีวิต หากจะบอกว่าเพิ่งมาพบการบุกรุกคงไม่ใช่เพราะที่แห่งนี้ ลุงแก้วมูลก็อาศัยมาตั้งแต่เกิด คุณลุงแก้วมูลและครอบครัวก็ไม่ได้ต้องการเอกสารสิทธิใดๆเพียงต้องการแค่เป็นที่พักอาศัยเท่านั้น
ซึ่งบางคนถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่เพราะความสงสาร
นายกิตติภูมิ
นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง กล่าวว่า
ตนยังไม่ขอพูดถึงรายละเอียดในเรื่องนี้
แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารที่มาที่ไปของเรื่องดังกล่าว
เพื่อจะชี้แจงให้สาธารณชนได้รับทราบ
หากเรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้ทางผู้สื่อข่าวทราบอย่างแน่นอน
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงในเทศบาลนครลำปาง
กล่าวว่า ในเบื้องต้นคงต้องยอมรับข้อเท็จจริงก่อนว่านายแก้วมูลยึดเอาที่ดินที่ตนเองไม่มีกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายไปเป็นของตน
ถึงแม้จะครอบครองมาเป็นเวลานานก็ไม่อาจอ้างสิทธิ์ได้
แต่การเยียวยาชั่วคราวเพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม ลดความเดือดร้อนแก่ผู้ยากไร้ในกรณีนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญควรร่วมกันหารือแนวทางการดำเนินการช่วยเหลือ
การเดินเข้ามาหาแนวทางช่วยเหลือกันจะเป็นแนวทางที่ดีมากกว่าการร้องเรียนสื่อมวลชน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1098 วันที่ 30 กันยายน - 6 ตุลาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น