อภิสิทธิ์นำสิ่งของมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ช่วยชาวบ้านแจ้ห่มที่ประสบภัยน้ำท่วม วอนรัฐบาลนำนโยบายเดิมไปใช้โดยเฉพาะเรื่องการประกันความเสียหายพืชผลการเกษตร
เมื่อวันที่
23 ก.ย. 59 ที่ผ่านมา ที่เทศบาลตำบลทุ่งผึ้ง อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
พร้อมด้วยนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ อดีต
รมว.อุตสาหกรรม และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในภาคเหนือ นำสิ่งของอุปโภคบริโภคจำนวน 500 ชุด
มอบให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นรวม
5 ครั้ง ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ถึง ก.ย. 2559 โดยมีนายถวิล กุญชร นายก
อบต.ทุ่งผึ้งได้กล่าวรายงาน
จากเหตุการณ์อุทกภัย
ทำให้มีชาวบ้านได้รับผลกระทบ 6 หมู่บ้าน ประกอบด้วยบ้านทุ่งฮ้าง ม.1 บ้านแจ้คอน
ม.2 บ้านหัวฝาย ม.3 บ้านทุ่งผึ้ง ม.4 บ้านช่อฟ้า ม.5 บ้านแจ้คอน ม.6
บ้านสาขาห้วยวาด ม.1 และบ้านสาขาแม่จอกฟ้า
ม.5 และ 2 หมู่บ้านสาขา มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนประมาณ 500 ครอบครัว
จากทั้งสิ้น 4,124 คน 1,579 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายไปกว่า 1,500 ไร่
เสียหายสิ้นเชิง 150 ไร่ นอกจากนี้ยังมีผนังป้องกันตลิ่งเสียหาย 5 จุด สะพานไม้ 3
จุด ฝายกึ่งถาวร 16 จุด ถนนคอนกรีต 5 จุด คอสะพาน2จุด คอท่อหลอดเหลี่ยม 1 จุด
ถนนลูกรังเข้าแหล่งผลิตการเกษตรชำรุด 6 สาย ดินสไลด์ปิดทับถนนลูกรังสายบ้านช่อฟ้า-บ้านสาขาแม่จอกฟ้า
ม.5 จำนวน 1 สาย
หลังจากนั้นคณะได้เดินทางนำสิ่งของไปมอบให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อนในพื้นที่
ต.เมืองมาย อ.แจ้ห่ม จำนวน 500 ชุด โดยนายไสว ลาภเกิด นายก อบต.เมืองมาย
เปิดเผยว่าจากเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนโดยเฉพาะเมื่อวันที่
17-18 ก.ย.ที่ผ่านมา พื้นที่ตำบลเมืองมายได้รับผลกระทบรวม 3 หมู่บ้านคือ
บ้านไผ่แพะ ไผ่งาม และ ไผ่ทอง และพื้นที่การเกษตร รวมถึงสัตว์เลี้ยงอีกจำนวนหนึ่งที่ถูกน้ำซัดหายไป
นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และในฐานะประธานมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
ได้กล่าวภายหลังมอบสิ่งของมอบให้กับชาวบ้านทั้งสองตำบลว่า ตนเองตัวแทนของมูลนิธิฯ
นำสิ่งของมามอบให้เป็นกำลังใจให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติ
ซึ่งจากการพูดคุยกับชาวบ้านที่ประสบเหตุก็ทราบว่าในพื้นที่ได้รับความเสียหายทั้งเรื่องที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทางการเกษตร
ซึ่งจากการลงพื้นที่ตระเวนไปหลายพื้นที่ก็พบว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องทำ อาทิ
ในพื้นที่ 2แห่งนี้ที่พบคือระบบเตือนภัยซึ่งชาวบ้านบางจุดที่สอบถามชาวบ้านก็ได้รับคำตอบว่าไม่ทราบว่ามีน้ำป่าหลากลงมา
จึงไม่สามารถเตรียมตัวรับมือทัน
และสองคือระบบประกันภัยทั้งหมดยังมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะทั้งพืชผลทางการเกษตร
ที่อยู่อาศัย หรืออื่นๆ หากคาดหวังหรือรอการช่วยเหลือจากรัฐบาลก็อาจจะน้อยและล่าช้า
แต่หากจะมีแรงจูงใจ โดยรัฐบาลอาจจะแบ่งเบาโดยมีระบบประกันภัยขึ้นมาก็จะมีประโยชน์อย่างมาก
ส่วนเกษตรกรก็ยังประสบปัญหาภัยแล้ง และราคาพืชผลที่ตกต่ำ
จึงอยากฝากถึงรัฐบาลว่าจะสนับสนุนให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างไร
ส่วนนโยบายเดิมที่อดีตทางพรรคเคยทำไว้และเป็นประโยชน์
เช่น การประกันภัย ประกันพืชผลทางการเกษตร
รวมถึงอีกหลายโครงการที่ต้องการกระจายอำนาจมาให้ท้องถิ่นที่สามารถบริหารจัดการแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วขึ้นก็อยากให้รัฐบาลสานต่อนโยบายเหล่านี้
เพราะประชาชนจะได้รับประโยชน์
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1098 วันที่ 30 กันยายน - 6 ตุลาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น