
พลันที่ TCIJ แสดงข้อมูลสื่อ 19 ราย
รับเงินจากบริษัทอุตสาหกรรมเกษตรยักษ์ใหญ่ อย่างซีพีเอฟ กระหึ่มแห่งคำถามก็เกิดขึ้นกับวงการสื่อ กับความเชื่อถือในสื่อทั้งระบบ
ความเชื่อถือที่นับว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่ค่ายิ่งในวิชาชีพสื่อ
นั่นเป็นเหตุผลสามัญของคนที่อยู่ในบทบาทองค์กรวิชาชีพสื่อ
ที่มีหน้าที่กำกับ ดูแลจริยธรรมโดยตรง ที่ต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่างชัด โปร่งใส
ตรงไปตรงมา จึงเป็นที่มาของคณะกรรมการอิสระ
เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วนและรอบด้าน
เพื่อความเป็นธรรมทั้งสื่อที่ถูกกล่าวหาทั้ง 19
ราย และซีพีเอฟ ที่ถูกอ้างว่ามีการจ่ายเงิน จ่ายทองกันด้วยวิธีพิเศษ
ผมเกิดและเติบโตในวงการสื่อ ยุค 18
อรหันต์ ได้รู้ได้เห็นพฤติกรรมของนักหนังสือพิมพ์รุ่นใหญ่บางคน
ที่ทำมาหากิน รับเงินรับทองจากผู้มีอำนาจ ยุคต่อมาก็เป็นนักธุรกิจ บริษัทเอกชนบางแห่ง
ที่จ่ายเงินให้นักข่าว ไปจนกระทั่งระดับบรรณาธิการ เป็นรายเดือน
หรือแม้ไม่ได้จ่ายกันเป็นเดือน ยามขัดสนก็ขอความช่วยเหลือกันได้ตลอด ฉะนั้น
จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ที่นักข่าวรับเงินจากแหล่งข่าว จะแตกต่างก็เพียงครั้งนี้
มีหลักฐานอ้างอิงเท่านั้น
แต่หลักฐานนั้น ก็ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะปรักปรำฝ่ายใดได้
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการอิสระ ที่เป็นอิสระอย่างแท้จริงจากคณะกรรมการ
และผู้มีส่วนได้เสียฝ่ายอื่นๆ ที่จะต้องสอบสวนเรื่องนี้ อย่างรอบคอบ และระมัดระวัง
จากเดิมที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 3
เดือน 6 เดือน ก็ล่วงเลยเวลามานานปี
จนผมไม่ได้อยู่ในตำแหน่งประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติอีกแล้ว ถึงกระนั้น
ประธานสภา กรรมการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติชุดต่อมา
ก็ยังคงติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ด้วยถือว่าเป็นภารกิจสำคัญในหลักการดูแลกันเอง
จนกระทั่งได้ผลสรุปอย่างไม่เป็นทางการไม่นานวันมานี้
ผลสรุปที่ยืนยันว่า
เป็นการจ่ายกันเป็นค่าโฆษณาจริง
แต่ประเด็นสำคัญที่ทุกคนอยากรู้
และก็เป็นความเสี่ยงของคณะกรรมการสภาวิชาชีพทั้งสอง
คือการเปิดเผยชื่อสื่อมวลชนทั้ง 19 ราย
ที่ถูกกล่าวหาว่ารับเงินโดยวิธีที่ไม่ชอบจาก ซีพีเอฟ
ผลสรุปเบื้องต้นของคณะกรรมการสอบสวน
คือมีหลักฐานอ้างอิงได้ว่าเป็นการจ่ายและรับเงินเป็นค่าโฆษณาจริง
แต่กรณีเป็นที่น่าสงสัยว่า เป็นการใช้สถานะของนักข่าวหรือคนที่มีชื่อเสียง
เพื่อให้ได้มาซึ่งโฆษณาเป็นกรณีพิเศษหรือไม่
เพราะในหลายกรณีนักข่าวหรือแม้แต่ผู้บริหารองค์กรสื่อ ก็ก้าวข้ามเข้าไปในพื้นที่การหาโฆษณา โดยใช้ตำแหน่ง หน้าที่นำทางให้ฝ่ายโฆษณา
เส้นแบ่งระหว่างกองบรรณาธิการ
กับฝ่ายหาโฆษณา เส้นแบ่งระหว่างการทำหน้าที่สื่อมวลชน ที่เป็นอิสระ
กับการที่ใช้อภิสิทธิ์ความเป็นสื่อที่มีชื่อเสียง ไปเจรจาขอโฆษณา
และให้ฝ่ายโฆษณาตามไปปิดการขายนั้น อยู่ตรงไหน
ระหว่างพื้นที่ของสื่อ
กับสิทธิพิเศษและผลประโยชน์ทับซ้อน มีความชัดเจนในความคิดของสื่อที่พยายามแสดงราคาของสื่อที่มีหลักการมากน้อย
เพียงใด มีความละอายบ้างหรือไม่ ที่เขาวิพากษ์วิจารณ์ตามหลังมา
แต่เขาก็จำยอมต้องให้โฆษณา
เพราะเจ้าของกิจการ
ให้โฆษณามิใช่ด้วยความเชื่อถือในสื่อนั้นๆ
แต่เขาให้เพราะความเกรงใจ เพราะความเป็นสื่อที่สำคัญว่าตัวเองมีอิทธิพล
หรือจำเป็นต้องนิยาม
ให้ชัดเจนระหว่าง "พื้นที่สื่อ" กับพื้นที่โฆษณา"
ซึ่งมีนัยสำคัญแตกต่างกัน เช่นข้อสังเกตุของ ดร.ธาตรี ใต้ฟ้าพูล
แห่งคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สำหรับสื่อที่ชัดเจน
ตรงไปตรงมา และได้แสดงเอกสารหลักฐานว่าเป็นการจ่ายและรับเงินในการโฆษณาจริง
ขณะนี้มีเพียงรายเดียวคือคุณณ กาฬ เลาหะวิไลย ผู้บริหารกลุ่มโพสต์
ซึ่งได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ
และยอมรับความจริงตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้แล้ว
ในส่วนของคณะกรรรมการสภาวิชาชีพทั้งสอง
คือ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
อาจจะต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน รอบคอบ
เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นเดียวกับมติชน
ที่ผู้ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องได้แถลงไปก่อนที่คณะกรรมการชุดใหญ่จะมีมติ
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1094 วันที่ 2 - 8 กันยายน 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น