มอดไม้ซิ่งทะลุป่า ระทึกจนท.ไล่ยิงยาง

จำนวนผู้เข้าชม

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท  จ.ลำปาง ตามสกัดมอดไม้เถื่อนไม่ลดละ ล่าสุดเจอมอดไม้ขับรถผ่าวงล้อมหนี ไปได้ไกลกว่า 5 กิโลเมตร ก่อนที่จะทิ้งไม้ของกลางแล้วขับรถหายเข้าไปในป่าลึก ส่วนอีกราย ดัดแปลงรถแวนขนไม้  ขับสวนกับเจ้าหน้าที่ สะดุ้งทิ้งรถวิ่งหลบหนีเข้าป่าหายไป

เมื่อวันที่ 8  ก.ย.59 นายพีระเมศร์ ตื้อตันสกุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท นายสุเมธ จารุรัตน์ ผช.หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท หน.ชุดหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทที่ 2 (กิ่วลม) พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ ที่บริเวณสะพานข้ามลำห้วย แม่อาง ระหว่างบ้านวังยวม หมู่ 10 และบ้าน แม่อาง หมู่ 3 ต.บ้านแลง อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธปืนสั้นยิงใส่ยางรถยนต์ที่บรรทุกไม้เถื่อนมาเต็มคันรถ จนยางหน้ารถแตกเสียหาย แต่คนขับรถไม้เถื่อนได้ขับรถแหกด่านเจ้าหน้าที่หลบหนีไปกับความมืด เหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา

เบื้องต้นพบเป็นรถยนต์กระบะ สตราดร้า สีบรอนเทา  ทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามติดตาม พบว่าคนร้ายได้ขับรถพุ่งทะลุป่าเป็นทางยาว ก่อนที่จะหายเข้าไปในหมู่บ้านวังยวม เบื้องต้นพบว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ ยึดเสื้อคลุม 1 ผืน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ของมอดไม้ ที่พลัดตกในที่เกิดเหตุขณะขับรถหลบหนี โดยทางเจ้าหน้าที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ตรึงกำลังรอบๆหมู่บ้านไว้เนื่องจากสภาพพื้นที่ในหมู่บ้านมีถนนซอกซอยมากมายจนต้องระรุ่งสางจึงได้ประสาน เจ้าหน้าที่ สายตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ สายที่ 1 สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง  สายตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายป่าไม้ภาคเหนือตอนบนกรมป่าไม้  หน่วยป้องกันรักษาป่า ลป. 38 (ท่าสี) ตำรวจป่าไม้ กกก.4 บก.ปทส.สายที่ 1 ลำปาง ตำรวจ ศปทส.สส.ภ.จว.ลำปาง ตำรวจ ศปทส.ภ 5ลำปาง ตชด.33 เชียงใหม่เจ้าหน้าที่  กอ.รมน.ลำปาง เร่งแกะรอย โดยใช้เวลานานกว่า 8 ชั่วโมงในการแกะรอยพบรองรอยของยางรถหายเข้าไปในป่าแปลงปลูกสับปะรด เขตบ้าน แม่อาง หมู่ 3 ต.บ้านแลง อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงยางรถประมาณ 5 กิโลเมตร โดยทางเจ้าหน้าที่แกะรอยเข้าไปในแปลงปลูกสับปะรดประมาณ 3 กิโลเมตร ก็พบว่ากลุ่มมอดไม้ได้ทิ้งไม้ชิงชันขนาดใหญ่ ไว้ในแปลงสับปะรดจุดแรกเจอทั้งหมด 5 ท่อน พร้อมอุปกรณ์ในการชักลาก การยังชีพในป่า ห่างออกไปอีก 100 เมตร พบไม้ชิงชันขนาดใหญ่อีก 3 ท่อนเหลี่ยม ซุกซ่อนอยู่แต่ไม่พบรถที่ชักลากและผู้ต้องหา เนื่องจากคาดว่าอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไปได้  จึงยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

และก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.59 บริเวณที่กำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทที่ 2 (กิ่วลม) ต.เมืองมาย อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง กำลังเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกัน ได้ทำการตรวจสอบรถยนต์แวน ยี่ฮ้อมิตซูบิซิ ปาเจโร่ รุ่นเก่า สีแดง ไม่ปิดแผ่นป้ายทะเบียน แต่มีหลักฐานป้ายวงกลมติดกระจกหน้ารถ หมายเลขทะเบียน ขง 8664 เชียงใหม่ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นของจริงหรือของปลอม อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล

ในรถพบว่ามีการดัดแปลงตัดเอาเบาะที่นั่งด้านหลัง รวมทั้งฝาท้ายรถออกทั้งหมด ภายในรถมีไม้ประดู่ แปรรูปเป็นท่อนเหลี่ยมขนาดใหญ่ทั้งหมด 8 ท่อน ซุกซ่อนอยู่ ส่วนผู้ต้องหาที่อาศัยมากับรถยนต์ของกลางได้ทิ้งรถหลบหนีเข้าป่าหายไป และนำรถจอดทิ้งไว้บริเวณข้างลำห้วยแป๋น ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ทรายคำ(เขตพื้นที่เตรียมการประกาศอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท) บ้านสามัคคี หมู่ 5 ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดรถยนต์และไม้ของกลาง มาเก็บรักษาที่หน่วยหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ลป.39 (ห้วยหลวง) ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง เพื่อส่งคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.แจ้ห่ม ต่อไป

ส่วนการตรวจยึดจับกุมครั้งนี้ นายสุเมธ จารุรัตน์ ผช.หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท หน.ชุดหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทที่ 2 (กิ่วลม) เปิดเผยว่า หลังจากสืบทราบข่าวว่ามีขบวนการลักลอบตัดไม้ชิงชันไม้ประดู่ เข้ามาซักลากไม้ในพื้นที่ป่าที่รับผิดชอบ จึงได้นำกำลังอออกหาข่าวและลาดตระเวนเส้นทางป่าเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา จนกระทั่งพบรถยนต์คันดังกล่าววิ่งสวนทางออกมาจากป่า แต่กลับพบว่าคนที่อาศัยมากับรถยนต์ที่อยู่ในรถ 2 คน และหลังคารถอีก 2 คนได้กระโดดทิ้งรถวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าท่ามกลางความมืดทิ้งของกลางไว้ทั้งหมด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดมาดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แจ้ห่ม กำลังตรวจสอบทะเบียนและหลักฐานต่างของรถยนต์ของกลาเพื่อสืบหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป โดยสภาพรถยนต์ของกลางพบว่ามีการตัดแปลงติดตั้ง รอกสลิงไฟฟ้าเพื่อใช้ในการชักลากไม้โดยตรง นอกจากนี้มีการเชื่อมเหล็กเสริมทับเหล็กแนบอีกหลายชั้น และอื่นๆอีกหลายอย่างเพื่อให้สามารถบรรทุกไม้และขับเคลื่อนออกจากป่าได้อย่างสะดวก

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1095 วันที่ 9 - 15 กันยายน 2559)