สัมผัสลมหนาวเบา ๆ เริ่มมา จึงอยากชวนกันหาเวลาเงยหน้าจากคลิปไวรัลต่าง
ๆ ขึ้นไปบนท้องฟ้า ยามนี้บางช่วงบางตอนเริ่มใสแล้ว และคงต้องมีสักคนล่ะน่าที่มองเห็นกลุ่มดาว
7
ดวงวาววับพลางนึกถึงเรื่องเล่าก่อนนอนของแม่ หรือยาย เกี่ยวกับดาวลูกไก่อันเป็นส่วนหนึ่งในตำนานดาว
27 ฤกษ์ ซึ่งหลวงวิศาลดรุณกร (อั้น สาริกบุตร) กล่าวไว้ว่า
มีที่มาจากคัมภีร์เสนปกรณ์
ด้วยความที่เล่ากันอย่างแพร่หลายและยังสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้
ตำนานดาวลูกไก่จึงได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
สาขาวรรณกรรมพื้นบ้าน ประจำปี พ.ศ. 2553อย่างไรก็ตาม
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการนำสาระจากตำนานมาแต่งเป็นเนื้อเพลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงแหล่ดาวลูกไก่ของพร
ภิรมย์ นับเป็นเพลงที่ทำให้ตำนานดาวลูกไก่แพร่หลายไปสู่วงกว้าง
“น่าสงสารแม่ไก่ น้ำตาไหลสอนลูก
เช้าก็ถูกตาเชือด ต้องหลั่งเลือดนองเล้า
ส่วนลูกไก่ทั้งเจ็ด เหมือนถูกเด็ดดวงใจ
พากันโดดเข้ากองไฟ ตายตามแม่ไก่ดังกล่าว
ด้วยอานิสงส์ใจประเสริฐ ลูกไก่ไปเกิดเป็นดาว”
ในภาคเหนือเรา ช่างซอก็นิยมขับค่าวซอเรื่องดาววีไก่น้อยในงานบุญต่าง
ๆ หรือขับร้องเพื่อสอนลูกหลานให้ประพฤติดี สอนให้รู้จักบาปบุญคุณโทษและความกตัญญู
ส่วนคนอีสานเรียกดาวลูกไก่ว่า ดาวไก่หน้อย
และบอกว่าดาวไก่หน้อยเป็นพี่ของดาวช้าง เพราะจะขึ้นให้เห็นก่อนดาวช้าง
ดาวไก่หน้อยนี้ ปรากฏในโคลงผญาเว้าสาวเว้าบ่าวอีกด้วยว่า
“ดาวไก่หน้อยป้องแม่เมียนอน
ดาวใคร่สอนป้องพี่ชายเมียซ้อน”
ซึ่งเป็นโคลงที่กล่าวเปรียบว่า
เมื่อดาวลูกไก่ขึ้น ก็ได้เวลาที่บ่าวสาวชวนกันไปร่วมหลับนอน (เมียคือคำว่า เมือ
แปลว่า กลับ / ไป)
ด้านชาวเลผู้เร่ร่อนในน่านน้ำอันดามันเรียกกลุ่มดาวลูกไก่ว่า
กลุ่มดาวบิตัวกะติก
โดยมีนิทานเล่ากำกับเกี่ยวกับเรื่องของชายผ่าฟืนที่ยังทำภารกิจไม่เสร็จสิ้น
เพราะเขาบังเอิญทำตาขวานหลุดขณะผ่าฟืน โดยบิตัวกะติก หรือดาวลูกไก่
เปรียบได้กับตาขวานที่หลุดกระเด็นไปข้างหน้า และทุกวันนี้
คนผ่าฟืนก็ยังเดินไปไม่ถึงตาขวานที่ตั้งใจจะเก็บมาใส่ด้านที่กระเด็นตกอยู่ข้างหลัง
สำหรับคนเรือ พวกเขายกให้ดาวลูกไก่ ดาวจระเข้
และดาวว่าว มีบุญคุณอย่างล้นเหลือในการล่องเรือ
โดยดาวลูกไก่จะขึ้นเป็นหมายให้สังเกตในช่วง 4 เดือน
เรียกตามเดือนจีนตั้งแต่เดือน 7 ถึงเดือน 10
จะเห็นได้ว่า ชาวบ้านต่างมองหาดาวลูกไก่เพื่อประโยชน์ในการหาอยู่หากิน
ไว้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของโมงยามอย่างแม่นยำเด่นชัด ทว่าสำหรับเด็ก ๆ แล้ว ตำนานดาวลูกไก่คือนิทานชุบชูใจก่อนนอน
พานให้ซาบซึ้งน้ำตาไหลทุกครั้งที่ได้ฟัง โดยเนื้อหาบอกเล่าถึงความกตัญญูของแม่ไก่และลูก 7 ตัว
ที่สละชีวิตตนเองด้วยการกระโดดเข้ากองไฟ
เพื่อตอบแทนบุญคุณตา-ยายผู้เลี้ยงดูตนและลูก ๆ มา
จะได้นำไปทำอาหารถวายแด่พระธุดงค์
ด้วยกุศลกรรมนี้จึงทำให้แม่ไก่และลูกไก่ได้ขึ้นไปเป็นกลุ่มดาวฤกษ์ 7 ดวง (กลุ่มดาวกฤติกา หรือกัตติกา) ได้แก่ ดาว Eta-Tauri, 17-Tauri, 20-Tauri, 23-Tauri, 19 Tauri, 27-Tauri และ 28-Tauri
ในไตรภูมิกถากล่าวว่า “ดาวอันชื่อกฤติกานั้น มีพิมานแก้ว 7 อันชุมกันอยู่”
ในความเป็นจริงThe Pleiades หรือกลุ่มดาวลูกไก่ (Seven Sisters / Messier
45 / M 45) เป็นกระจุกดาวเปิดที่มีดาวฤกษ์สีน้ำเงินสว่างเจิดจ้าอยู่ภายใน
มีอายุประมาณ 100 ล้านปี กระจุกดาวนี้อยู่ในกลุ่มดาววัว
หรือราศีพฤษภ (Taurus) จัดเป็นกระจุกดาวที่อยู่ใกล้เราที่สุดกระจุกหนึ่งบนท้องฟ้า
โดยอยู่ไกลออกไป 444 ปีแสง และเห็นได้ง่ายมากด้วยตาเปล่า
(เห็นเพียง 7 ดวง) รอบ ๆ กระจุกดาวมีแถบฝุ่นมากมายสะท้อนแสงของดาวฤกษ์ออกมาเป็นสีฟ้า
ซึ่งแถบฝุ่นนี้แต่เดิมเชื่อกันว่า คือกลุ่มก๊าซและฝุ่นที่หลงเหลือมาจากการสร้างดวงดาว
แต่ภายหลังก็พบว่าไม่เกี่ยวข้องกัน
มันเป็นเพียงแถบฝุ่นในอวกาศที่บังเอิญกระจุกดาวนี้กำลังเคลื่อนผ่านแล้วทำให้มันเรืองแสงขึ้นมาจากการสะท้อนแสงดาวอีกทีหนึ่ง
ส่วนบริเวณที่ห่างไกลจากกระจุกดาวก็จะเห็นกลุ่มก๊าซและฝุ่นในอวกาศอยู่รอบ ๆ เป็นสีน้ำตาลอยู่ทั่วไป
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1098 วันที่ 30 กันยายน - 6 ตุลาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น