![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiyJWE4TilHfRL_kpGC6yemT_CqvwH7Q8vvMf3Tt2-pdRFsHVbTDf-N4FshzEYBQeUtheNFRbsX4TDdPTGQfv15lErySUJHfay4EK2ydG_VXWpwBOKhRt0qtJAmQX2-73jJBIDuJyRH/s640/%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B9%25E0%25B9%2589%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B7%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25961098.jpg)
ที่เห็นเป็นฝุ่นของผ้าเบรคครับ เรื่องฝุ่นของผ้าเบรคเกิดขึ้นได้กับทั้งผ้าเบรคแบบนุ่มที่มีส่วนผสมของโลหะน้อย และแบบแข็งที่มีโลหะเยอะ
ฝุ่น
ซึ่งจริงๆ คือผงคาร์บอนในเนื้อผ้าเบรคที่ถูกเสียดสีกับจานเบรคออกมา ซึ่งสีก็จะต่างกันแล้วแต่ชนิดของผ้าเบรค
ยกตัวอย่างเช่นผ้าเบรคแท้ของรถยุโรปส่วนใหญ่จะมีคาร์บอนเยอะ ฝุ่นจะเป็นสีดำ
ส่วนรถญี่ปุ่นฝุ่นจะออกสีเทาๆ
ผ้าเบรคจะมีฝุ่นเยอะหรือน้อยขึ้นอยู่กับส่วนผสมของผ้าเบรคแต่ละยี่ห้อด้วยครับ
ไม่จำเป็นว่าเป็นชนิดนุ่มหรือแข็ง ส่วนที่ล้อหลังไม่มีฝุ่นอาจจะเกิดจากผ้าเบรคคนละชนิดก็ได้
หรืออาจจะเกิดจากการที่เบรคหลังนั้นทำงานน้อยกว่าเบรคหน้า
หรือบางทีรถคันนั้นใช้ระบบเบรคแบบดุม การทำงานซ่อนอยู่ภายใน
ก็แทบจะไม่มีฝุ่นให้เห็นเลย
เหตุที่ใช้คาร์บอนเป็นส่วนผสม
เนื่องจากสามารถทนความร้อนได้สูง จะเห็นความสำคัญตอนรถต้องเบรคกระทันหัน
เบรคจะไม่ลื่น ถ้าเป็นผ้าเบรคคุณภาพต่ำๆ
หากใช้เบรครุนแรงจะลื่นไปเลยเพราะไม่สามารถคงประสิทธิภาพในความร้อนสูงๆ
ได้นั่นเองครับ
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1098 วันที่ 30 กันยายน - 6 ตุลาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น