
ดูเหมือนว่าการมีเพศสัมพันธ์
หรือที่วัยรุ่นเรียกว่า ฟีเจอริ่ง นั้นจะเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมแล้ว
จากตัวเลขวัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์ เดิมทีเป็นการเฝ้าระวังจากโรคเอดส์
ดูว่ามีเพศสัมพันธ์มากน้อยแค่ไหน และมีการป้องกันตัวกันมากน้อยแค่ไหน ปรากฏว่าทุกวันนี้โรคเอดส์ลดลง
แต่เหมือนว่าวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์มากขึ้น
เรื่องท้องในวัยรุ่นเป็นปัญหาหนักมาก
3 รัฐบาลที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
กำหนดให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ พยายามจะแก้ แต่ปัญหาเพิ่มขึ้นไปตลอด
ถัดมาในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บอกว่าเป็นวาระแห่งชาติเช่นกัน
แต่ปัญหาก็ไม่ได้ลดลง รัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลพิเศษ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ก็ได้ประกาศนโยบายให้เรื่องการท้องในวัยรุ่นเป็นวาระแห่งชาติ
แสดงว่าทุกรัฐบาลมองว่านี่คือปัญหาระดับชาติ
ปัญหาเด็กวัยรุ่นไทยท้องติดอันดับโลก ตัวเลขไม่ต่ำกว่าปีละ 1.3
แสนคน สร้างความกังวลให้ผู้นำประเทศไทยมาหลายยุคสมัย
มีการกำหนดนโยบายมากมาย เพื่อลดการตั้งท้องแบบไม่พร้อม แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ
เพราะสถิติตัวเลขแม่วัยโจ๋ไปคลอดที่โรงพยาบาลทั่วประเทศยังเพิ่มขึ้นทุกปี
ข้อมูลตัวเลขปี
2543 สถิติวัยรุ่นไปโรงพยาบาลคลอดลูกวันละ 4 คน ปี 2556
พุ่งขึ้นมาเป็นวันละ 9 คน หรือคิดเป็น 4
นาทีต่อ 1 คน ยอดรวมประมาณปีละ 1.3 แสนคน ล่าสุด 11 กุมภาพันธ์ 2559 โรงพยาบาลรามาธิบดีเปิดเผยผลการสำรวจว่า วัยรุ่นไทยอายุระหว่าง 15-19
ปีตั้งท้องแบบไม่ตั้งใจถึงร้อยละ 80 และร้อยละ
30 เลือกทำแท้ง โดยร้อยละ 10 ทิ้งลูกไว้ในโรงพยาบาลที่คลอด
ยิ่งไปกว่านั้น
ยังพบว่า แม่วัยรุ่นเสี่ยงซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย
แม้แต่งงานกันแล้วสุดท้ายก็หย่าร้าง !
เราเคยมีข่าวเด็กที่อายุยังไม่ถึงสิบขวบตั้งท้อง
ไม่ว่าจะเกิดจากการล่อลวง การถูกทารุณกรรมทางเพศจากคนใกล้ชิดจนตั้งท้อง
นั่นเป็นสิ่งที่เลวร้ายเพราะไม่ได้เกิดจากการสมยอม
แต่ทุกวันนี้ปัญหาการท้องในวัยเรียนเกิดเพราะค่านิยมที่วัยรุ่นมองว่า
“เซ็กซ์ในวัยเรียนไม่ใช่เรื่องแปลก”
ดังนั้นผู้ใหญ่เองก็ต้องตามให้ทันความคิด คิดตามให้ทันเด็ก
ไม่ใช่ควบคุมเด็ก และต้องให้ความรู้มากพอที่เด็กๆเหล่านี้จะ เซฟเซ็กซ์
เพื่ออนาคตของตัวเอง ไม่ใช่เพียงปล่อยอารมณ์ให้เป็นไปตามฮอร์โมนที่พุ่งพล่าน
จนทำให้เรียนไม่จบ
สังคมจะดี ต้องฝังชิพความรู้
ใส่โปรแกรมเก่งและดีให้กับเด็กตั้งแต่ยังเล็กๆ น่าเศร้าที่เมื่อเขาเติบใหญ่
สังคมดิจิทัลกลับกระชากวัยเยาว์ที่สดใสให้กลายเป็นคนกร้านชีวิต
โดยเฉพาะเด็กสาวในระยะผ่านวัยรุ่น เรื่องราวในหอพักก็เป็นมุมมืดหนึ่งของชีวิตพวกเธอ
ชีวิตครอบครัวในหอพัก
นำพาไปสู่ห้องหับทึบทะมึน เหม็นอับ วังเวง ที่เรียกกันว่า
สถานพยาบาลวางแผนครอบครัว หรือคลีนิคทำแท้งเถื่อน ซึ่งส่วนใหญ่ซ่อนตัวอยู่ในอาคารสลับซับซ้อน
ป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกทลาย
แต่ละปี เด็กสาววัยรุ่น
เด็กสาวในรั้วมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเอกชนบางแห่ง
ที่มีสถิติติดอันดับทำแท้งสูงสุด ได้ฆ่าลูกของตัวเองนับแสนคน
หลายปีก่อน มีการบุกทลายคลินิกทำแท้งกลางเมืองโคราช
ต่อมาก็เป็นศพเด็กน้อยนับร้อยที่วัดไผ่เงิน ขณะที่มีเด็กนักศึกษาสาว
และผู้หญิงทำงานอีกหลายคน รอที่จะให้เพชรฆาตในเสื้อกาว์นฆ่าชีวิตน้อยๆ ในตัวของเธอ
เมื่อก่อนได้สอนกันว่าไม่ควรมีเซ็กซ์ในวัยเรียน
แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่ามีเซ็กซ์ได้แต่ต้องรู้จักป้องกันไม่ให้ท้อง จนกลายเป็นความคิดติดหัวในเด็กกลุ่มหนึ่งว่ามีการมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องแปลก
และเมื่อเด็กพรากพลั้งไปแล้ว
อาจต้องมีกระบวนการทำให้เขาเหล่านั้นสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรีได้เทียบเท่ากับทุกคน
โรงเรียนต้องมีที่ยืนให้เด็กเหล่านั้นได้ใช้สิทธิ์ที่จะเรียนต่อได้
ไม่ใช่มีเด็กท้องที่โรงเรียนแล้วต้องบีบบังคับให้ลาออก หลายคนถูกเพื่อนฝูงมองว่าตั้งท้อง ทนสายตา
การนินทาไม่ไหวจนต้องลาออกเองก็มีมาก
หลายรายพ่อแม่บังคับให้ลาออกอยู่บ้านเพราะทนสายตาเพื่อนบ้านไม่ได้ ทั้งที่คนที่ทุกข์ที่สุดก็คือตัวเด็กนั่นเอง
แต่สังคมเมืองพุทธกลับไม่ทำให้เขาเหลานั้นมีที่ยืน
การท้องในวัยเรียนอาจเป็นเรื่องที่พลาดพลั้ง
แต่การใช้ชีวิตแก้ไขความพลาดพลั้งได้เสมอ หากคนรอบข้างไม่ตอกย้ำซ้ำเติม
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1098 วันที่ 30 กันยายน - 6 ตุลาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น