วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559

คนข่าวช่วยน้อง พื้นที่ส่วนตัว บนพื้นที่สาธารณะ

จำนวนผู้เข้าชม webs counters

ย่าได้แปลกใจไปเลยที่ ข่าวว่าด้วยเรื่องราว คนข่าวช่วยน้อง และบก.ทั้ง 4 มิได้ปรากฏอยู่บนพื้นที่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้  ถึงแม้จะมีเนื้อหา เป็นการทำความเข้าใจในเจตนาของแต่ละฝ่าย และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานการเพื่อสังคม แต่ก็มิได้เป็นประเด็นสาธารณะ ที่มีคุณค่าเชิงข่าวพอจะนำเสนอได้

เรื่องของกลุ่มคนในอาชีพข่าว โดยธรรมชาติย่อมมี Ego คือมีความสนใจในตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเองสูง และก็เป็นธรรมดา เมื่อ Ego ต่อ Ego มาอยู่ร่วมกัน ก็ย่อมมีการปะทะสังสรรค์กันเป็นปกติ
           
เพียงแต่ใครจะรู้เท่าทันธรรมชาติของตัวเองมากกว่ากัน เมื่อรู้เท่าทันก็จะไม่ยึดติด ไม่ถือสา กับความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน ยอมให้เข้าใจผิดได้บ้าง เพราะสุดท้ายความถูกต้องก็จะปรากฏให้เห็นเอง โดยที่อาจไม่ต้องกล่าวแม้สักหนึ่งถ้อยคำ
           
มีหลายเรื่องในความเป็นนักข่าวที่ทำให้สำคัญตัวเองผิด หนึ่งในนั้นคือนิทานหลอกเด็กเรื่อง “ฐานันดรสี่” ฐานันดรสี่เป็นความเชื่อที่ผิดๆ ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้นักข่าวที่ไม่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์อย่างถี่ถ้วน พองตัวว่า เป็น “อภิสิทธิ์ชน” เหนือกว่ามนุษย์สายพันธุ์อื่น
           
วันหนึ่งในการประชุมในรัฐสภาอังกฤษ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชื่อ นายเอ็ดมันด์ เบิร์ก อภิปรายมีตอนหนึ่งที่เขาได้กล่าวขึ้นว่า….. "ในขณะที่เราทั้งหลายเป็น ฐานันดรใดฐานันดรหนึ่งทั้งสามกำลังประชุมกันอยู่นี้ เราพึงคำนึงไว้ด้วยว่าบัดนี้ได้มี ฐานันดรที่ 4 เกิดขึ้นแล้ว และฐานันดรนั้นกำลังมานั่งฟังการประชุมของเราอยู่ ณ ที่นี้ด้วย" เขาก็ชี้มือไปยัง กลุ่มคนหนังสือพิมพ์ ซึ่งได้พากันมานั่งฟังการประชุม ตั้งแต่นั้นมากลุ่มผู้ประกอบอาชีพหนังสือพิมพ์จึงกล่าวว่าเป็นฐานันดรที่สี่
           
หารู้ไม่ว่านั่นคือการประชดประเทียด แดกดัน มิใช่ความชื่นชมยินดี
           
เรื่องของคนข่าวช่วยน้อง เป็นเรื่องที่ควรชื่นชม เพราะการงานที่คนมีมากกว่า ให้กับคนมีน้อยกว่าหรือคนที่ขาดแคลนนั้นเป็นกิจที่มนุษย์พึงกระทำ เพื่อปลดปล่อยความตระหนี่ถี่เหนียวออกจากตัว รู้จักการเป็นผู้ให้ เมื่อได้ให้ด้วยใจที่พิสุทธ์แล้ว ใจก็จะอิ่มเอมด้วยความสุข โดยไม่ต้องให้ใครมาสรรเสริญ ยกย่อง
           
แต่การช่วยที่มีเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้อง หากไม่มีการจัดการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยเฉพาะเป็นเงินที่ผู้บริจาคประสงค์จะให้เพื่อช่วยเหลือโดยเฉพาะเจาะจง ก็เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับการตรวจสอบ การวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเงินทองนั้นเป็นของบาดใจ เข้าวงไหน หากคลุมเครือ วงก็แตก
           
คนที่เป็นผู้นำเขา ก็ย่อมต้องหนักแน่น ไม่วูบไหวไม่ตามเสียงนกเสียงกา ไม่มีขุนเขาใดที่ไม่มีแรงลมปะทะ ก็เลือกเอาว่าจะเป็นขุนเขาหรือปุยนุ่น
           
ข้อสุดท้าย ที่สมควรต้องใคร่ครวญสำหรับคนข่าวอาชีพ คือการไม่แยกเรื่องส่วนตัว ออกจากการทำหน้าที่บนพื้นที่สาธารณะ ตัวอย่างเรื่องนี้ คือคนที่มีความคิดหรืออุดมการณ์ทางการเมือง ในช่วงการเมืองแบ่งสี หลายคนเมื่อมานั่งประกาศข่าว มาเขียนข่าว ก็ยังมีน้ำเสียงและท่าทีให้คนจับได้ว่า เชียร์ข้างไหน
           
นักข่าวจะต้องไม่เอาเรื่องส่วนตัว ไปปะปนกับการทำงานบนพื้นที่สาธารณะ คือเป็นพื้นที่ที่ยังประโยชน์ให้กับส่วนรวม และควรต้องแสดงให้เห็นวุฒิภาวะ ที่จะพูดจากันเป็นการภายใน ให้เข้าใจกันได้  หรือถ้าเกินวิสัยที่จะพูดกัน ก็นิ่งเสีย และต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
           
การเอาพื้นที่สาธารณะมารับใช้เรื่องส่วนตัว นับว่าเป็นการละเมิดจริยธรรมข้อหนึ่งของความเป็นสื่อมวลชน

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1098 วันที่  30 กันยายน - 6 ตุลาคม 2559)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์