
นอกจากสถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส ซึ่งต้องถือว่า เป็นแบบอย่างของสื่อสาธารณะ ที่ต้องชัดเจนในแนวทางปฏิบัติแล้ว ต้องชื่นชมยินดีกับผู้บริหาร จีเอ็มเอ็ม ภายใต้อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ที่เขาอาจไม่มีภาพของสื่อที่เคร่งครัด กอดรัดหลักการเหนียวแน่นเหมือนองค์กรสื่อบางแห่ง แต่พันคำหรือจะสู้การกระทำเพียงครั้งเดียว
เรื่องของน็อต กราบรถ
เป็นด้านสว่างของสื่อสังคมออนไลน์
ที่ทำให้เห็นด้านมืดของดารา พิธีกรหนุ่ม “คนไทยตัวอย่าง” และทำให้เห็นว่า
การกำกับดูแลกันเอง โดยวิธีการทางสังคม เป็นไปได้ เพียงแต่ต้องทำให้สิ้นสงสัย
ว่าองค์กรสื่อ องค์กรวิชาชีพสื่อทั้งหลาย
มีความตระหนักรู้ในความรับผิดชอบเช่นนี้ของตัวเองมากน้อยแค่ไหน
และมีมาตรฐานเทียบเท่าอากู๋หรือไม่
ความจริง คนไทยตัวอย่างชนิดโหล
ที่องค์กรบางองค์กรสถาปนากันขึ้นมา เพื่ออาศัยความดังของดารา และดาราก็พลอยได้อานิสงส์
จากรางวัลนี้ด้วย เมื่อมีคำว่าคนไทยตัวอย่างต่อท้ายชื่อ
ทำให้อึ่งอ่างยิ่งพองตัวแสดงความน่าเวทนาให้เห็นชัดเจนมากขึ้น
ก็ถือเป็นแรงสนับสนุน ให้น็อตคิดว่าเขาเป็นเซเลบอันเป็นที่ชื่นชมของผู้คน
จนกระทั่งได้รับการยกย่อง เป็น “คนไทยตัวอย่าง”
ของสมัชชานักจัดรายการฯ และเหมือนจะสำคัญผิดว่าตัวเองมีฐานะเงินทอง
และฐานะทางสังคม สูงกว่าคนขับรถมอเตอร์ไซค์
การหมิ่นแคลน
และลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนอื่น ใช้กำลังตัดสิน
แสดงอำนาจบาตรใหญ่เพื่อย้ำให้เห็นความหลงผิดของมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ได้สูงส่งกว่ามนุษย์คนอื่นจึงเกิดขึ้น
แต่เพียงชั่วข้ามคืน
น็อต เวลคัม น็อต กราบรถ หรือนายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล
ก็ได้รับผลแห่งการกระทำนั้นอย่างรวดเร็วเหลือเชื่อ
โดยเฉพาะจากองค์กรสื่อ
2 แห่งที่สมควรปรบมือให้ด้วยความยินดี
การตัดสินความผิดของน็อตจากประจักษ์พยานที่เห็นชัดเจน
จะนาทีครึ่งหรือไม่ก็ตาม นั่นแปลว่าองค์กรสื่อ
เชื่อว่าพฤติกรรมของน็อตนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
ซึ่งเป็นหลักจริยธรรมพื้นฐานที่ตราไว้ในแนวปฏิบัติขององค์กรวิชาชีพสื่อทุกประเภท
จีเอ็มเอ็ม ของอากู๋ประกาศยกเลิกสัญญากับน็อต
ไทยพีบีเอส ซึ่งน็อตเป็นพิธีกร รายการ ‘Thailand Science Challenge’ รวมถึงการแสดงละครโทรทัศน์อยู่อีก
1 เรื่องคือ ‘ก๊วนสืบหลังเลิกเรียน’
ก็ได้ประกาศระงับการออกอากาศผลงานทั้งหมดของน็อต
เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการกระทำที่เป็นแบบอย่างที่ไม่เหมาะสมแก่เด็กและเยาวชน
โดยมีผลทันที
หากองค์กรสื่อชัดเจนที่จะกำกับ
ดูแลกันเองโดยไม่ต้องอาศัยอำนาจภายนอกใดๆ มาควบคุม บังคับ
เราก็อาจจะมีความหวังในการจัดการสื่อนอกคอก ซึ่งดีที่สุดสำหรับการกำกับ ดูแลเรื่องจริยธรรม
คือมาตรการทางสังคม
แต่เรายังมีองค์กรสื่อที่
“คิดเองไม่ได้” อยู่จำนวนไม่น้อย
องค์กรที่พยายามปกป้องคนของตัวเอง ทั้งที่กระทำผิดกฎหมายและจริยธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มีเรื่องคราวใด
ก็มีสมองพูดแค่ว่าจะเป็นการสรุปบทเรียนร่วมกันระหว่างสื่อกับชาวบ้านที่ถูกละเมิด
แล้วก็สรุปบทเรียนไปเรื่อยๆ จนบทเรียนกองสูงท่วมหัวแล้ว
ก็ยังไม่มีหนทางใดที่จะจัดการสื่อนอกคอกได้
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1104 วันที่ 11-17 พฤศจิกายน 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น