นับว่าเป็นบุญของคนลำปางนับจากรุ่นพ่อ รุ่นแม่ของเราโดยแท้ ที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังจังหวัดลำปาง ด้วยพระราชภารกิจต่างๆ ถึง 21 ครั้ง มากกว่าหลายๆจังหวัดที่พระองค์เคยเสด็จไป
จังหวัดในภาคเหนือ
เช่น จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
อาจจะคุ้นชินกับพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ในชุดสูทสีเทา
ที่พระศอคล้องไว้ด้วยกล้อง และมีแผนที่อยู่ในพระหัตถ์ พระราชทานแนวพระราชดำริในการแก้ปัญหาตางๆ
โดยเฉพาะป่า น้ำ และการชลประทาน ที่ลำปางพระบรมฉายาลักษณ์เช่นนั้น
ก็ปรากฏไม่แตกต่างไปจากจังหวัดใหญ่ๆ ที่กล่าวถึง
ด้วยทรงพระตระหนักว่า
การบริหารจัดการน้ำ ทั้งในรูปเขื่อน เหมืองฝาย อ่างเก็บน้ำ
จะช่วยให้ราษฏรของพระองค์ มีน้ำใช้ในยามแล้ง
และยามน้ำหลากเขื่อนก็สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ นอกจากนั้นการปลูกป่า
ด้วยกล้าไม้พันธุ์ดีก็ช่วยทดแทนป่าไม้ที่สูญเสียไปด้วย
นอกจากทรงพระปรีชาญาณในหลายๆเรื่องแล้ว ภาพในใจของพสกนิกรชาวไทยที่มีต่อพระองค์
ก็คือภาพในหลวงทรงงานในพื้นที่เขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำ พระหัตถ์กางแผนที่ออก
พระพักตร์เคร่งเครียด พระราชทานพระราชดำริ
ให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ตามเสด็จ
เมื่อวันที่
27 มีนาคม 2519 ทรงขับรถยนต์พระที่นั่ง
เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินทรเทพรัตนสุดาฯ
จากพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์
ไปยังสวนป่าแม่ทรายคำ
ณ
สถานที่แห่งนี้ ทรงมีพระราชดำรัสในเรื่องป่า และน้ำ ความว่า
“การปลูกป่าใหม่นั้น
น่าจะพิจารณาปลูกต้นไม้ชนิดโตเร็วหลายชนิดคละกัน ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้หลายทาง
ทั้งนี้ราษฏรจะได้หาประโยชน์จากป่าที่ปลูกทดแทน
โดยไม่ต้องบุกรุกเข้าไปตัดฟันไม้ที่มีค่าทางเศรษฐกิจในป่าสงวนอีกต่อไป
นอกจากนั้นควรสำรวจตลอดแนวลำน้ำในเขตสวนป่า
และปลูกพืชชนิดใบหนาเป็นพุ่มปกคลุมบริเวณต้นน้ำ เพื่อรักษาต้นน้ำ ตลอดจนการสร้างฝายปิดกั้นน้ำ
เพื่อส่งน้ำทั่วบริเวณเพาะปลูก ซึ่งอาจทำเหมืองซอย
หรือวางท่อส่งน้ำความลาดชันของภูมิประเทศ
โดยสร้างบ่อพักน้ำเป็นช่วงๆเพื่อให้จ่ายน้ำได้ทุกจุด”
ด้วยพระราชดำรัสนั้น
ในกาลต่อมา ได้นำมาสู่การปรับปรุงเหมืองฝาย 3 สายในลำน้ำแม่มอน ได้แก่ฝายแม่เลียบซ้าย
ฝายแม่เลียบขวา และฝายแม่มอนเดิม
จนกระทั่งวันที่
8 มกราคม 2522 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโครงการชลประทาน
ฝายทดน้ำแม่มอนในโครงการพระราชดำริ ที่อำเภอแจ้ห่ม ทรงพอพระราชหฤทัย
ที่ได้ช่วยเหลือขจัดความเดือดร้อนของราษฏร จากนั้นได้เสด็จพระราชดำเนินอ่างเก็บน้ำห้วยหลวง
ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เพื่อทอดพระเนตรอ่างเก็บน้ำในสวนป่าแม่ทรายคำ
ซึ่งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จัดสร้างขึ้นสนองพระราชดำริ
จึงนับว่า
คนลำปางได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ในงานด้านชลประทานไม่น้อยไปกว่าจังหวัดอื่นๆ
ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณเช่นนี้
ได้สะท้อนถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ในด้านการชลประทาน ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
มีเรื่องเล่าว่า
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นพระราชอนุชานั้น
ทรงมีความสนพระทัยการกั้นน้ำสร้างเขื่อน ตั้งแต่เมื่อครั้งประทับอยู่ที่โรงเรียนเลอ
ฟัวเย่ในปี 2477
ขณะทรงมีพระชันษาเพียง 7 ปี
“ได้ทรงสังเกตและจำวิธีที่เขาใช้ในการนำน้ำมาใส่ในอ่างให้เด็กเล่น
เขาไปเอาน้ำมาจากลำธารที่ไหลใกล้ๆ ทำทางตื้นๆ ให้น้ำไหลลงมาได้
เอาดินเหนียวใส่ลงไปในทางและเอาขวดไปถูให้เรียบ”
(หนังสือเจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์)
ด้วยประสบการณ์เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์เกี่ยวกับน้ำและเขื่อนที่ส่งผลในเวลาต่อมา
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่สร้าง
“ประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยาม” ในด้านการชลประทานอย่างมากมายเหลือคณานับ
(สกุลไทย
ฉบับครอบรอบปีที่ 62
ฉบับที่ 3237)
ในฐานะพสกนิกร
คนลำปางจากรุ่นสู่รุ่น คงได้ซึมซับทุกก้าวพระบาท ที่ยังความจำเริญผาสุกมาสู่แผ่นดินนี้
และสนองพระราชปณิธานที่จะทำความดีเพื่อพ่อหลวงต่อไป
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1103 วันที่ 4 - 10 พฤศจิกายน 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น