
เจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดพื้นที่รุกป่าเพิ่มเติม ริมถนนสายแม่กึ๊ด-ปงแพ่ง อ.เสริมงาม ถูกเข้ามาล้อมรั้วลวดหนามจับจอง ใช้พิกัดภาพถ่ายดาวเทียมตรวจสอบ พบรุกป่ารวม 173 ไร่ มูลค่าความเสียหาย 12 ล้านบาท ส่วนกรณีการใช้พื้นที่ทำกินก่อน มติ ครม.2541 จะตรวจสอบว่ารุกป่าเพิ่มจากเดิมหรือไม่ หากพบผิดก็ไม่ละเว้น
เมื่อวันที่
29 พ.ย. 59
เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน นำโดย นายสุเทพ
พุทชา ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการป่าไม้ที่ 3
(ลำปาง) พร้อมด้วยนายดนุศักดิ์ หมื่นโฮ้ง
หน.สายตรวจปราบปรามว่าด้วยการกระทำผิดป่าไม้ สายที่ 1 นายษเอมร์
สันป่าแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.5 (แม่กึ๊ด)
นำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจส่วนป้องกันและปราบปรามภาคเหนือ กรมป่าไม้ (ลำปาง) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองนำโดย นายประเสริฐ
สันบุญเป็ง ปลัดอำเภอเสริมงาม เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จ.ลำปาง เจ้าหน้าที่ทหาร
กกล.รส.มทบ 32 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส.
สายที่ 1 ลำปาง ตำรวจ ศปทส.ภ.5 สายที่ 1
ลำปาง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสริมงาม กว่า 30
นาย
เข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่เรียง เขตบ้านแม่กึ๊ด หมู่ 1 ต.ทุ่งงาม อ.เสริมงาม
จ.ลำปาง ที่ถูกบุกรุกจากกลุ่มนายทุนและชาวบ้านที่เข้ามาจับจองพื้นที่ป่า
และล้อมด้วยรั้วลวดหนามไว้ใช้เป็นพื้นที่ทำกิน รวม 15 แปลง
เนื้อที่ทั้งหมด 173 ไร่
นายษเอมร์
สันป่าแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.5 (แม่กึ๊ด) เปิดเผยว่า
จากการใช้พิกัดภาพถ่ายทางดาวเทียมเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนป่าแม่เรียง
และนำไปเปรียบเทียบกับแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศปี 2545
พบว่ามีพื้นที่ถูกบุกรุกใหม่หลังปี 2545 จำนวน 15 แปลง รวม 173 ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ 12 ล้านบาท
ซึ่งส่วนใหญ่ได้มีการล้อมรั้วลวดหนามจับจองพื้นที่ไว้ เข้ามาทำการเกษตร
ปลูกต้นมันสำปะหลัง และปลูกต้นสัก เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบกลับไม่พบว่าใครเป็นผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว แต่เมื่อพบว่ามีการบุกรุกโดยผิดกฎหมาย
จึงได้ทำการเข้าตรวจยึดอายัดไว้ทั้งหมด และส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสริมงามลงบันทึกประจำวันส่งฟ้องศาลต่อไป
แต่ในวันนี้ยังไม่ได้มีการรื้อถอนรั้วลวดหนามออก
เพราะต้องรอคำสั่งจากศาลอีกครั้ง
สำหรับพื้นที่ป่าที่มีชาวบ้านถือครองอยู่ก่อน
ตามมติ ครม.วันที่ 30 มิ.ย. 2541 นั้น มีจำนวน 13
แปลง เนื้อที่ประมาณ 60 ไร่
มีการขึ้นทะเบียนรายชื่อผู้ครอบครองไว้แล้ว แต่เบื้องต้นตามมติ
ครม.ได้อนุโลมให้บุคคลกลุ่มนี้สามารถใช้พื้นที่ทำกินต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม
ทางเจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่อีกครั้งว่า มีการบุกรุกพื้นที่โดยรอบเพิ่มเติมจากพื้นที่เดิมหรือไม่ หากพบการกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน
ส่วนกรณีถนนทางหลวงชนบท
ลป.4041
สายแม่กึ๊ด-ปงแพ่ง ที่มีการตัดผ่านเขตป่าสงวนโดยไม่ได้ขออนุญาตนั้น
ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน ได้สรุปสำนวนและส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.แล้ว
ซึ่งถือว่าสิ้นสุดกระบวนการในพื้นที่
จึงเป็นอำนาจและอยู่ระหว่างการสอบสวนของ ป.ป.ช.
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1107 วันที่ 2 - 8 ธันวาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น