
คนร้ายเข้ามากราดยิงในร้านอาหาร สาวใหญ่เจ้าของร้านและลูกค้าเสียชีวิต 2 ศพ ส่วนสามีและลูกชายอาการสาหัส จากนั้นได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงรถ จยย.ผู้อื่นหลบหนี ยังไม่ทราบสาเหตุ เบื้องต้นตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ร่วมกับทหารเข้าตรวจค้นบ้าน และเตรียมออกหมายจับ
เมื่อเวลาประมาณ
00.15 น. วันที่ 22 ธ.ค.59 ศูนย์วิทยุ 191 ภูธร
จ.ลำปาง ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุคนใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้อื่น ภายในร้านคำเหมย เลขที่ 790/2 ซอยโกสุมอาเขต หมู่ 15
ต.บ่อแฮ้ว อ.เมือง จ.ลำปาง
มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย โดยคนร้ายได้จี้ชิงรถจักรยานยนต์ของผู้อื่นหลบหนีไป หลังรับแจ้งจึงได้รายงานไปยังผู้บังคับบัญชาอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งประสาน ร.ต.อ.สุรเชษฐ์ สุริมา รอง
สว.(สอบสวน) สภ.เมืองลำปาง แพทย์เวร
รพ.ลำปาง เจ้าหน้าที่กู้ภัยบรรเทาภัย 3 และสมาคมกู้ภัยนครลำปาง
ร่วมตรวจสอบ
จากนั้น
พ.ต.อ.นันทวิทย์ เทียมบุญธง รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง พ.ต.อ.นิคม เครือนพรัตน์ ผกก.สภ.เมืองลำปาง พ.ต.อ.กฤษดา
พันธ์เกษม ผกก. สว.สส.ภ.จว.ลำปาง พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธร จ.ลำปาง สืบสวน สภ.เมืองลำปาง เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน
5 ลำปาง ร่วมเดินทางไปที่เกิดเหตุ ซึ่งเปิดเป็นร้านอาหารพื้นเมือง
เมื่อเข้าไปภายในร้านทางซ้ายพบศพหญิงสภาพนอนหงายจมกองเลือดอยู่ข้างโต๊ะ
ทรายชื่อคือ นางเหมย ท้าวบุญเรือง อายุ 53 ปี เจ้าของร้าน ถูกยิงเข้าหัวไหล่ซ้าย 1 นัด ทะลุเข้าไปตุงสีข้างด้านขวา ส่วนที่โต๊ะพบศพชายสภาพนั่งบนเก้าอี้
ศีรษะแนบอยู่กับโต๊ะเสียชีวิต ทราบชื่อคือนายจรัล หรือใหญ่ ณ ลำปาง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 485/2 หมู่ 15 ต.บ่อแฮ้ว อ.เมือง จ.ลำปาง มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ซึ่งเป็นลูกค้าที่เข้ามาดื่มกินในร้าน
โดนยิงบริเวณขมับซ้ายทะลุแก้ม นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย คือนายนฤบาล ท้าวบุญเรือง อายุ 49 ปี สามีของนางคำเหมย ถูกยิงบริเวณหน้าอก 2 นัด แขนซ้าย 1 นัด อยู่ใต้ถุนบ้าน และนายกฤษณะ หรือเก่ง
ฟูเต็มวงศ์ อายุ 34 ปี ลูกติดนางเหมย
ถูกยิงเข้ากลางหลัง 1 นัดและได้วิ่งหนีเข้าไปทางป่าหลังบ้าน เร่งนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลลำปาง
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า
คนร้ายเป็นชายสวมเสื้อแขนยาวสีดำ
สะพายกระเป๋าสีดำเดินเข้ามาในร้านและได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงเข้าใส่นางเหมยและนายใหญ่
ซึ่งนั่งดื่มกินกันอยู่ด้านหน้าร้าน
จากนั้นได้เดินเข้าไปทางด้านหลังบ้านยิงใส่นายนฤบาล และนายเก่ง
ก่อนจะวิ่งหลบหนีออกมาหน้าร้าน
และใช้อาวุธปืนจี้ของรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ขลต 35
ลำปาง ของนายเกียรติพันธ์ จอมวงค์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 488 หมู่ 4 ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปาง ที่ขับผ่านมาพอดี หลบหนีตามถนนจามเวที
แต่ไม่ทราบเส้นทางว่าคนร้ายหลบหนีไปทางใด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเบื้องต้นว่า
คนร้ายที่ก่อเหตุคือ ชายอายุ 30 ปี เป็นเพื่อนบ้านอยู่ตรงข้ามกับร้านที่เกิด
ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบว่าเกิดจากเรื่องใด ด้านนางคฑามาศ ท้าวบุญเรือง อายุ 28 ปี ลูกสาวผู้ตาย กล่าวว่า คนร้ายไม่เคยเข้ามาภายในร้านเลย
แต่วันนี้อยู่ๆก็เข้ามาไล่ยิงคนในร้านแล้วก็จี้รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ประสานทางวิทยุสื่อสาร
แจ้งรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายไปยัง สภ.ต่างๆ ร่วมทั้งให้ระมัดระวังอย่างมาก
เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืนติดตัวด้วย ซึ่งคาดว่าจะจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ในเร็ววันนี้
ต่อมาเมื่อเวลา
06.00 น. พ.ต.อ.นิคม เครือนพรัตน์ ผกก.สภ.เมืองลำปาง พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม ผกก.
สว.สส.ภ.จว.ลำปาง นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธร จ.ลำปาง สืบสวน สภ.เมืองลำปาง
สารวัตรทหารจากมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี กระจายกำลังเข้าตรวจสอบและตรวจค้น
บ้านผู้ต้องสงสัยเป็นชายอายุ 30 ปี ที่ก่อเหตุอุกอาจใช้อาวุธปืนยิงเพื่อนบ้านเสียชีวิตไป
2 ศพ และบาดเจ็บสาหัสไปถึง 2 คน
เหตุเกิดเมื่อเวลา 00.15 น. ที่ผ่านมา
โดยการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้
สืบเนื่องจากพยานในที่เกิดเหตุและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ระบุได้ว่า เป็นชายอายุ 30 ปี
มีบ้านพักอาศัยอยู่เยื้องกับร้านที่เกิดเหตุ ห่างกันไม่ถึง 50เมตร หลังก่อเหตุแล้วคนร้ายยังได้ ใช้อาวุธปืน จี้ชิงเอารถจักรยานยนต์
ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ขลต 35 ลำปาง ของชาวบ้านที่ขับผ่านมาหลบหนีไป ซึ่งในการตรวจค้นบ้านของผู้ต้องสงสัยไม่พบตัวผู้กระทำผิด
แต่เจ้าหน้าที่พบ อาวุธปืนยาวดัดแปลง 1 กระบอก และปลอกกระสุนปืนขนาด
.38 อีกกว่า 100นัด จึงได้อายัดตรวจสอบ
นอกจากนั้นยังได้เข้าตรวจค้นบ้านมารดาผู้ต้องสงสัย ซึ่งอยู่ถัดไปอีกหลังหนึ่ง
ซึ่งเจ้าของบ้านยินยอมนำเจ้าหน้าที่ให้ตรวจค้นบ้านทั้งหมด และยอมรับว่าไม่ค่อยได้พูดคุยกับลูกตัวเองเท่าไร
เพราะอาศัยบ้านพักคนละหลังกัน แม้จะอยู่ในพื้นที่บริเวณบ้านเดียวกัน
ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ได้กระจายหาข่าวตามจุดที่คาดว่าผู้ต้องสงสัยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย จากนั้นช่วงสายวันเดียวกันได้พบรถจักรยานยนต์ที่ถูกจี้ไปจอดทิ้งไว้ห่างจากร้านที่เกิดเหตุประมาณ
800 เมตร จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1110 วันที่ 23 ธันวาคม 2559 - 5 มกราคม 2560 )
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น