จำนวนผู้เข้าชม
จากกรณีการพบเสือโคร่งเพศผู้ น้ำหนักร่วม 200 กิโลกรัม ในพื้นที่ ต.แม่ถอด อ.เถิน จ.ลำปาง
ได้รับบาดเจ็บเข้ามาหลบอยู่ในไร่มันสำปะหลังของชาวบ้าน
และได้วนเวียนอยู่ในพื้นที่มานานหลายเดือน
เนื่องจากชาวบ้านพบรอยเท้าเสือขนาดใหญ่อยู่บ่อยครั้ง
แต่กลับไม่เคยพบเห็นเสือตัวดังกล่าว จนกระทั่งเสือลำบากตัวนี้
ร่างกายเริ่มอ่อนล้าจากการได้รับบาดเจ็บ จึงมาอาศัยหลับนอนอยู่ในไร่มันสำปะหลัง
เจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังช่วยกันจับตัวไว้ได้ เมื่อวันที่ 9 ม.ค.60 ที่ผ่านมา และจากการตรวจสอบที่มาในเบื้องต้นพบว่าเสือตัวนี้มาจากป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี หากวัดระยะทางทางรถยนต์ พบว่ามีระยะห่างกันกว่า
400 กิโลเมตรเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ยังได้มีการตั้งข้อสังเกตจากสื่อสังคมออนไลน์
ในชื่อกลุ่มลำปางซิตี้ว่า เสือตัวนี้มาจากห้วยขาแข้งจริงหรือไม่ เดินทางมาได้อย่างไร?


“เสือตัวนี้มีรหัส HKT178 เป็นเสือตัวผู้เป็นลูกของแม่เสือชื่อแฟนซี
ซึ่งเป็นเสือที่อยู่ในโครงการศึกษา น่าจะเกิดตอนปี 2552 ในปีต้นปี 2554
ถ่ายภาพครั้งแรกในพื้นที่ บริเวณตอนเหนือของเขตฯห้วยขาแข้ง ปลายปี 2554 เดินทางไป
อช.แม่วงก์ ปลายปี 2555
ถ่ายภาพยังอาศัยอยู่ในแม่วงก์หลังจากนั้นก็ไม่พบอีกเลย”
ส่วนเรื่องการเดินทางของเสือ
ดร.ศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า
เป็นเรื่องปกติ เริ่มมีการเก็บข้อมูลในระยะ 10
ปีที่ผ่านมา และมีตัวอย่างในเสือบางตัว พบว่าเสือมีศักยภาพในการเดินทาง ใน 1 เดือน สามารถเดินทางได้ถึง 250 กิโลเมตร ไม่จำเป็นต้องเป็นป่าใหญ่ต่อเนื่องกัน
อาจจะมีการเดินเฉียดไปในพื้นที่โล่งบ้างหรือที่มีป่าปกคลุมบ้างสลับกันไป จากการเริ่มศึกษาเสือโคร่งวัยรุ่น
ไม่เพียงแต่เสือเพศผู้ แต่พบเสือสาวชื่อ ข้าวจี่ ซึ่งได้ข้อมูลจากการใส่ปลอกคอดาวเทียม แสดงให้เห็นว่า
ในรอบหนึ่งเดือนที่เร่ร่อนหาพื้นที่หากิน ข้าวจี่ได้มีการเดินทางไกลเป็นระยะขจัดราว 240 กิโลเมตร ถ้าเป็นระยะทางเคลื่อนที่จริงอาจไกลถึง
400 กิโลเมตร และมีการเดินข้ามพรมแดนไปยังพม่าด้วย ดังนั้นจึงไมใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด ที่เสือหนุ่มตัวนี้จะเดินทางไกลจากห้วยขาแข้งไปถึง อ.เถิน จ.ลำปาง


ข้อแนะนำหากพบเสือ เสือป่ากลัวคน ถ้าเห็นคนก็จะหลบเลี่ยง
ซึ่งจะเห็นว่าเสือตัวนี้ไม่เคยมีข่าวทำร้ายคนมาก่อน เพราะฉะนั้น
หากพบเห็นเสือให้เลี่ยงออกห่าง และรายงานให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที
จะได้ผลักดันกลับเข้าป่า
แต่ที่อยากจะเตือนคือเสือบ้านหรือเสือเลี้ยงที่น่ากลัวกว่า
เสือบ้านไม่กลัวคน เพราะคุ้นเคยกับคน
จึงไม่เห็นด้วยอย่างมากที่จะนำเสือบ้านไปปล่อยในป่า
สุดท้าย ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ
กล่าวฝากว่า การที่มีเสือหมายถึงการมีป่าที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อป่าอุดมสมบูรณ์ก็ช่วยลดภัยพิบัติต่างๆได้
และเสือไม่ได้ดุร้ายอย่างที่คิด
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1113 วันที่ 20 - 26 มกราคม 2560 )
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น