
ยึดป่าคืนกว่า 2,000 ไร่ ในรอบปี 59 เป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดกว่าครึ่ง ยึดเพิ่มขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะที่ อ.แม่เมาะ ส่วน อ.งาว คดีลดลง ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติฯ คาดปัญหาหมอกควันปีนี้จะดีขึ้น
ในรอบปี
2559 ที่ผ่านมา ลานนาโพสต์ได้มีการนำเสนอข่าวการตรวจยึดพื้นที่บุกรุกป่าอย่างต่อเนื่อง
มากกว่า 10 คดี
ซึ่งในการบุกรุกพื้นที่ป่าส่วนใหญ่เป็นการใช้พื้นที่ทำการเกษตร
โดยการปลูกข้าวโพดมากว่าครึ่งหนึ่ง
ส่วนอื่นๆจะเป็นการปลูกต้นยางพารา ต้นปาล์มน้ำมัน และก่อสร้างที่พักอาศัย
เริ่มตั้งแต่เดือน
มิ.ย. 59
ได้มีการยึดพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่งาวฝั่งซ้ายป่าห้วยแม่โป่ง
หมู่ 2 ต.บ้านร้อง อ.งาว จ.ลำปาง จำนวนทั้งหมด 140 ไร่
ซึ่งพบว่าได้มีการแผ้วถางป่าตัดต้นไม้เตรียมปลูกข้าวโพด ต่อมาเดือน ก.ค. 59 เจ้าหน้าที่ตรวจยึดพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าขุนวังแปลง
1 บริเวณหลังหมู่บ้านผาช่อ หมู่ 1 ต.ร่องเคาะ อ.วังเหนือ
จ.ลำปาง ซึ่งถูกบุกรุกแผ้วถางรวมเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ในเดือนเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แจ้ห่ม ได้ร่วมกันเข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าถูกบุกรุกแผ้วถาง
เนื้อที่ 108 ไร่ 16
ตารางวา บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าขุนวังแปลงที่ 1
เขตบ้านห้วยวาด หมู่ 1 ต.ทุ่งผึ้ง อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นการถูกบุกรุกใหม่
มีการปลูกข้าวโพด และเตรียมการปลูกต้นยางพารา
เดือน
ก.ย.59 เข้าตรวจสอบ หจก.โรงโม่หินศรีวิเศษ 99 จำกัด หมู่ 8 ต.แม่ทะ อ.แม่ทะ
จ.ลำปาง หลังพบว่าได้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเข้าไปทำการระเบิดหินโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมประมาณ 44 ไร่ อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่จาง จำนวน 21
ไร่ และเป็นพื้นที่ สปก.จำนวน 23 ไร่ จึงตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้
พร้อมแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย
และอีกคดี คือ ขอคืนผืนป่าจากกลุ่มชาวเขานอกพื้นที่ ที่เข้าไปจับจองพื้นที่กลางหุบเขาลึก
ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท บริเวณเขตรอยต่อพื้นที่ 3 อำเภอ คือ ต.บ้านอ้อน อ.งาว ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ และ ต.เมืองมาย อ.แจ้ห่ม
จ.ลำปาง ที่อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ต๋า-ป่าแม่มาย
ซึ่งเป็นป่าเตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท
สามารถตรวจยึดได้ทั้งหมด 19 แปลง พื้นที่กว่า 300 ไร่
เดือน
พ.ย. 59
เข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่เรียง เขตบ้านแม่กึ๊ด หมู่ 1 ต.ทุ่งงาม อ.เสริมงาม
จ.ลำปาง
ที่ถูกบุกรุกจากกลุ่มนายทุนและชาวบ้านที่เข้ามาจับจองพื้นที่ป่า
และล้อมด้วยรั้วลวดหนามไว้ใช้เป็นพื้นที่ทำกิน รวม 15 แปลง
เนื้อที่ทั้งหมด 173 ไร่ ต่อมาเดือน ธ.ค. 59 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดห้องพักไม่มีเลขที่
บ้านห้วยคิง หมู่ 6 ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
หลังตรวจวัดจับพิกัดแล้วพบว่าพื้นที่การครอบครองและก่อสร้างแห่งนี้
เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่เมาะ ถูกยึดถือครอบครอง เนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 53
ตารางวา
ไม่สามารถที่จะเข้ามาก่อสร้างอาคารและเปิดห้องพักโรงแรมได้ อีกคดีของเดือน ธ.ค.59 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบป่าท้ายหมู่บ้าน
เขตติดต่อระหว่างบ้านห้วยฮี หมู่ 7 และบ้านจำบอนเก่า หมู่ 10 ต.ต้นธงชัย อ.เมือง
จ.ลำปาง หลังได้รับการร้องเรียนว่า
แปลงปลูกปาล์มน้ำมันแห่งนี้ ได้รุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
การปลูกต้นกล้าปาล์มน้ำมันความสูงประมาณ 1 เมตร
แล้วหลายร้อยต้น พบว่า พื้นที่รุกป่าแผ้วถางครั้งนี้ มีมากถึง 35 ไร่เศษ สร้างความเสียหายแก่ผืนป่าบริเวณกว้าง ซึ่งทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ป่าแม่ทรายคำ
จากการสรุปข้อมูลพื้นที่ถูกบุกรุกแผ้วถางพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
จ.ลำปาง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558-2559
ของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ลำปาง พบว่า ในปี 59 มีการตรวจยึดและดำเนินคดี 139 คดี พื้นที่มากถึง 2,065-0-87 ไร่ ยึดได้มากที่สุดที่ อ.แม่เมาะ 413-1-29 ไร่ รองลงมาคือ อ.เกาะคา 342-2-13
ไร่ อ.แจ้ห่ม 341-2-41 ไร่ อ.งาว 281-3-11 ไร่ และ อ.เถิน 257-2-3 ไร่ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 58
แล้ว พบว่ามีการยึดคืนพื้นที่ป่าได้เพิ่มมากขึ้น
ซึ่งในปี 58
สามารถตรวจยึดได้ 1,987-10-7.75
ไร่ มากสุดที่ อ.งาว 578-2-54 ไร่
อ.เถิน 374-0-23 ไร่ อ.เมือง 367-1-44 ไร่ อ.แม่พริก 285-0-07 ไร่ ขณะที่ อ.งาวมีการยึดพื้นที่ลดลงมาก แต่ที่
อ.แม่เมาะ มีการยึดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนข้อมูลพื้นที่ถูกบุกรุกแผ้วถางพื้นที่ป่าอนุรักษ์
จ.ลำปาง ปี 59 จับกุมได้ 31 คดี รวมพื้นที่ 176-0-82 ไร่
อ.งาวสูงสุด 109-2-9 ไร่
อ.แจ้ห่ม 46-1-37 ไร่ อ.เมือง 19-1-28 ไร่
ส่วนปี 58
ตรวจยึดได้ 476-1-42 ไร่
อ.งาว 362-0-13 ไร่ อ.แจ้ห่ม
53-2-80 ไร่ อ.เมืองปาน 25-3-76 ไร่ อ.เมือง และ อ.แม่เมาะ ประมาณ 10 ไร่เศษ
จะเห็นได้ว่าการตรวจยึดพื้นที่ป่าอนุรักษ์ลดลง ส่วนการตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนมีเพิ่มมากขึ้น
นายเมืองแมน
เกิดนานา
ผอ.สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ลำปาง เปิดเผยว่า ส่วนใหญ่ปัญหาที่บุกรุกคือ
ป่าสงวนแห่งชาติ
ส่วนพื้นที่ป่าอนุรักษ์ชาวบ้านทราบว่ามีข้อกฎหมายค่อนข้างรุนแรง
และเป็นพื้นที่อุทยานดำเนินการเข้มข้น
ขณะที่ป่าสงวนจะเป็นพื้นที่เสื่อมโทรม มีชาวบ้านบุกรุกอยู่ก่อนแล้วจึงมีการรุกเพิ่ม แต่ จ.ลำปาง
ถือว่าคดีการจับกุมยังน้อยอยู่ ถ้าดูจากสภาพป่าของเรายังอุดมสมบูรณ์มากกว่าจังหวัดอื่นๆอีกมาก
ทั้งนี้ ก็ต้องป้องกันไม่ให้ลุกลามมากขึ้นกว่านี้ ไม่ให้ขยายวงกว้างออกไป ขณะเดียวกันศักยภาพของกรมป่าไม้
มีหน่วยป้องกันและรักษาป่า ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ทางกระทรวงเองก็พยายามที่จะปรับโครงสร้างอยู่
โดยเฉพาะหน่วยป้องกันและรักษาป่าฯ
การดำเนินการเด็ดขาดก็ทำไม่ได้
เพราะทางรัฐบาลก็มีนโยบายหลายนโยบายที่จะจัดสรรที่ทำกินให้กับราษฎร ซึ่งมีทั้งที่
สปก. และ ที่ดินตามมติ ครม.30 มิ.ย.41 ส่วนใหญ่เป็นราษฎรที่เข้าไปจับจองพื้นที่ หากลงไปจับกุมทั้งหมดแล้วเขาก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน
ก็จะเป็นเรื่องของมนุษยธรรมตามมาอีก ส่วนหนึ่งเรื่องแผนที่วันแม็ปยังไม่ประกาศใช้เป็นทางการ
ซึ่งเส้นแผนที่บางพื้นที่ยังมีพื้นที่ทับซ้อนกันอยู่
จึงหาเจ้าภาพที่แท้จริงยังไม่ได้
ทุกวันนี้หากมีการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ก็ยังคงใช้แผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมปี 2545
อยู่
ตามจริงแล้วควรจะมีความทันสมัยกว่านี้
แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีข้อมูลอัพเดทใหม่ ถ้ามีวันแม็ปก็จะนำมาใช้ควบคู่กันได้ดีขึ้น
ในส่วนของ จ.ลำปาง ทางผู้ว่าฯสุวัฒน์ ได้มีนโยบายว่า อาจจะต้องปรับเปลี่ยนในเรื่องของการปลูกพืชที่เป็นไม้ยืนต้นมากขึ้น
โดยการให้อยู่ในพื้นที่เดิม เช่น จากที่ปลูกข้าวโพดให้เปลี่ยนมาปลูกผลไม้ยืนต้นที่ทำรายได้แทน
ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติฯ
กล่าวต่อไปว่า การที่จะดำเนินการได้ก็คือเรื่องการควบคุมไม่ให้ขยายพื้นที่ออกไปมากกว่านี้ และที่จะจับกุมได้จะเป็นกลุ่มของนายทุนมากกว่า
ซึ่งการจะทราบได้ว่าเป็นกลุ่มนายทุนหรือชาวบ้านนั้น
สามารถดูได้จากสภาพพื้นที่ หากมีการบุกรุกมากเป็น 100 ไร่
ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนายทุนเข้ามา เพราะชาวบ้านทำไม่ได้มากขนาดนี้ จะทำกินก็ประมาณ 10-20 ไร่เท่านั้น
เมื่อสอบถามว่า
การยึดป่าเพิ่มมากขึ้นจะส่งผลให้ปัญหาหมอกควันลดลงหรือไม่ เตรียมการอย่างไร นายเมืองแมน กล่าวว่า การเตรียมการเรื่องหมอกควันอยู่ในช่วงมาตรการเตรียมการถึงเดือนกุมภาพันธ์ โดยใช้ระบบการประสานงานกับทางอำเภอ
ให้นายอำเภอมีอำนาจในการสั่งการ รวมทั้งแต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่นั้นๆดูแลพื้นที่ของตนเองในช่วงห้ามเผา ตอนนี้เริ่มทยอยจัดการวัชพืช ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงไปบางส่วน
เพื่อลดการสะสม คาดว่าปีนี้จะดีขึ้น กำหนดวันงดเผา 89 วัน เริ่มตั้งแต่ 1
กุมภาพันธ์ ถึง 30 เมษายน 60
นอกจากนั้นยังมีแผนจะย้ายเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศ
เนื่องจากที่ อ.แม่เมาะ มีอยู่ 3 เครื่อง
ซึ่งไม่ใช่เป็นค่ากลางของ จ.ลำปาง
เป็นการวัดเฉพาะบริเวณดอยพระบาท ทางผู้ว่าฯ จึงเห็นควรว่าจะให้ย้ายเครื่องเดิมกระจายไปอำเภออื่นๆบ้าง ในอำเภอที่มีจุดฮอตสปอตเยอะ เช่น อ.แจ้ห่ม อ.งาว ซึ่งอยู่ที่ชุมชนของ
อ.แม่เมาะด้วยว่าจะยอมให้ย้ายหรือไม่
ส่วนทางกรมควบคุมมลพิษยินดีที่จะย้ายให้
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1111 วันที่ 6 - 12 มกราคม 2560 )
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น