คนผ่านทางไปลำพูนและเชียงใหม่ล้วนต้องผ่านดอยสูงที่ชื่อดอยขุนตาน
ช่วงรอยต่อระหว่างลำปางกับลำพูน เราต่างมองเห็นศาลขนาดใหญ่ที่ต้องทำความเคารพตามความเชื่อดั้งเดิม
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ว่า เจ้าพ่อขุนตานคือใคร มีภูมิหลังอย่างไร
อาจต้องเล่าย้อนไปถึงสมัยพญายีบา กษัตริย์องค์สุดท้ายของนครหริภุญไชย
(เมืองลำพูน) ก่อนหน้านั้นนครหริภุญไชยมีแต่ความสงบสุข
กระทั่งพญามังรายได้ทรงสร้างเมืองเชียงรายสำเร็จและกำลังมองหาเมืองขึ้นเพื่อแผ่ขยายพระราชอำนาจ
ทรงต้องการนครหริภุญไชย ทว่าด้วยความที่หริภุญไชยเป็นนครใหญ่ที่เข้มแข็ง
จึงส่งขุนนางชื่อขุนอ้ายฟ้า ทำทีว่าได้รับโทษทัณฑ์จากพญามังราย จึงหนีมาพึ่งพญายีบา
โดยขอเข้ามาเป็นข้ารับใช้ พญายีบาหลงกลรับขุนอ้ายฟ้าเข้ามาทำงานในราชสำนัก
ทรงโปรดปรานไส้ศึกคนนี้มาก เพราะช่วยราชการอย่างแข็งขัน
ส่วนขุนอ้ายฟ้าระหว่างนั้นก็วางอุบายให้ชาวเมืองเสื่อมความจงรักภักดีต่อพญายีบาลงไปเรื่อย
ๆ เมื่อเห็นว่าแผนการของตนเป็นผลสำเร็จแล้ว ขุนอ้ายฟ้าก็ลอบส่งข่าวไปยังพญามังราย
หลังจากนั้นกองทัพพญามังรายที่เกรียงไกรก็ยกไพร่พลมาตีนครหริภุญไชยและยึดเมืองได้สำเร็จ
พญายีบาจึงเสด็จหนีไปพึ่งพญาเบิก พระราชโอรสของพระองค์ที่ทรงปกครองเขลางค์นครอยู่ ระหว่างทางบนดอยสูง
พญายีบามองเห็นนครหริภุญไชยมอดไหม้ ก็ถึงกับหลั่งน้ำตาเสียใจที่เสียรู้ไส้ศึก
บริเวณนี้ภายหลังเรียกกันว่า ดอยบาไห้ (ดอยพญายีบาร้องไห้) โดยอยู่ด้านหลังวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลำพูนในปัจจุบัน
และต่อไปนี้คือเรื่องราวที่ห้าวหาญของพญาเบิก
หรือเจ้าพ่อขุนตาน พระราชโอรสของพญายีบา
14
ปีต่อมา นอกจากสะสมไพร่พลจนเข้มแข็ง เพื่อรอวันชำระแค้นให้นครหริภุญไชยและพระราชบิดาแล้ว
พญาเบิกยังได้สร้างเมืองต้านศึกขึ้นในพื้นที่แห่งหนึ่งในเขตอำเภอห้างฉัตร
ใกล้ทิวเขาสูงใหญ่ เมืองนั้นชื่อ “เวียงต้าน” หรือเวียงตาลในปัจจุบัน
ส่วนทิวเขาสูงใหญ่ที่ทอดตัวคั่นระหว่างลำพูนและลำปาง ซึ่งเป็นแนววางกำลังพลเพื่อที่จะสกัดกองทัพพญามังราย
ต่อมาเรียกว่า “ดอยขุนต้าน” หรือก็คือดอยขุนตานนั่นเอง
ครั้นพญาเบิกนำทัพใหญ่มาตีนครหริภุญไชย
ฝ่ายพญามังรายก็เตรียมทัพใหญ่ไว้ต้านรับเช่นกัน ทัพพญาเบิกถูกตีแตกพ่ายจนต้องถอยร่นขึ้นมาถึงดอยขุนต้าน
กระทั่งมาถึงเวียงต้าน ก็ยังต้องถอยทัพจนมาติดหนองหล่มใหญ่
ปัจจุบันคือบ้านหนองหล่ม และพ่ายแพ้อย่างย่อยยับที่เนินทุ่งแห่งหนึ่ง
ปัจจุบันคือบ้านหลิ่งก้าน ตำบลหนองหล่ม อำเภอห้างฉัตร
ร่องรอยการเดินทัพของพญาเบิกในการสู้รบครั้งนั้น
กล่าวกันว่ายังมีอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ เช่น ที่แนวขุนห้วยสาน
แนวที่ต่อลงมาในทิวเขาเขตอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน
และตอนใกล้วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลำพูนในปัจจุบัน
บนสันเขายังมีทางเดินเชื่อมกัน บนยอดเขาตอนกลางจะราบเรียบ กว้างประมาณ 6 เมตร
มีก้อนหินวางเรียงสองฟากติดต่อกันตลอดแนวดุจถนนบนภูเขาจนถึงดอยบาไห้
คนสมัยก่อนยกย่องพญาเบิกว่าเป็นยอดนักรบ มีกุศโลบายวางแผนการรบอย่างลึกซึ้ง
เช่น การตั้งทำเลเวียงต้าน การซุ่มพลตามแนวเขาเพื่อรบแบบกองโจร ฯลฯ อย่างไรก็ตาม
เมื่อไม่อาจต้านทานทัพใหญ่ที่แกร่งกว่า พญาเบิกก็ถูกจับตัวได้
ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า พญาเบิกนั้นคงกระพันชาตรี
เมื่อถูกจับได้ข้าศึกก็ไม่อาจใช้ศัสตราวุธใด ๆ ปลงพระชนม์
ทหารจึงนำตัวพญาเบิกไปขุดหลุมฝังทั้งเป็นจนสิ้นพระชนม์ ณ
ยอดดอยแห่งหนึ่งบนเทือกขุนตาน คนเก่าคนแก่บางคนเรียกว่า “ดอยพญาลำปาง”
อยู่ในเขตรอยต่อบ้านทุ่งเกวียน ตำบลเวียงตาล กับบ้านแม่ยามเหนือ ตำบลเมืองยาว
อำเภอห้างฉัตร
ด้านพญายีบาเมื่อรู้ข่าวพระราชโอรสสิ้นพระชนม์แล้วก็ทรงเห็นว่า
คงหมดหนทางที่จะรักษาเมืองเขลางค์เอาไว้ได้
จึงเสด็จหนีไปพึ่งพญาสองแควแห่งเมืองพิษณุโลก
ขณะเดียวกันพญามังรายก็ไม่ได้ส่งทัพไล่ติดตาม ด้วยเห็นว่าพญายีบาหมดสิ้นหนทางแน่แล้ว
วีรกรรมความกล้าหาญของพญาเบิกยังเป็นที่จดจำของชาวอำเภอห้างฉัตรและชาวลำปางรุ่นเก่า
ซึ่งต่อมาพากันขนานนามให้พระองค์ว่า “เจ้าพ่อขุนตาน” มีการสร้างศาลเจ้าพ่อขุนตานหลายแห่ง
ได้แก่ บริเวณหมู่ 2
บ้านห้างฉัตรเหนือ ตำบลห้างฉัตร อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง
และบริเวณหมู่ 12 บ้านดอยแก้ว ตำบลทาสบเส้า อำเภอแม่ทา
จังหวัดลำพูน ซึ่งศาลแห่งนี้ เราชาวลำปางรู้จักกันดี เพราะตั้งอยู่บนดอยขุนตาน
บริเวณเขตรอยต่อระหว่างลำปางกับลำพูน ส่วนที่หมู่ 8 บ้านขุนตาน
ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน ผู้โดยสารรถไฟกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ต้องเคยเห็น
เพราะตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าอุโมงค์รถไฟถ้ำขุนตาน
นอกจากนี้ ก็ยังมีอนุสาวรีย์เจ้าพ่อขุนตาน
ซึ่งชาวอำเภอห้างฉัตรร่วมกันจัดสร้างขึ้นที่บ้านหัววัง หมู่ 5 ตำบลเวียงตาล
อำเภอห้างฉัตร เป็นรูปปั้นเจ้าพ่อขุนตานทรงม้า แต่เหตุที่อนุสาวรีย์สร้างหันหลังให้ทางเข้า
ซึ่งแม้จะดูแปลก แต่เหตุผลก็เพื่อให้เจ้าพ่อขุนตานหันไปทางเมืองลำปาง คอยปกปักรักษาเมืองลำปางนั่นเอง
ทั้งนี้ ทางจังหวัดได้จัดพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อขุนตานในวันที่ 12 พฤษภาคมของทุกปี
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1118 วันที่ 24 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2560 )
สาธุ.....
ตอบลบขอบคุณครับ...สาธุๆ
ตอบลบสาธุ
ตอบลบ