ลูกบ้านรวมตัวพบผู้ว่าฯ
ให้ไล่ผู้นำชุมชน อ้างกินเงินฌาปนกิจสงเคราะห์
เบิกจ่ายไม่ผ่านมติชาวบ้านเทศบาลเร่งตั้งกรรมการสอบสวน
เมื่อวันที่
21 ก.พ. 2560 เวลาประมาณ 10.00 น.
ที่ศาลากลางจังหวัดลำปาง นายสถิตย์ ขจรไชยเดช อดีตประธานชุมชนบ้านศาลาดอน
พร้อมด้วยชาวบ้านศาลาดอน หมู่ 3 ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง
ประมาณ 50 คน รวมตัวขับไล่นายสง่า พุทธิมาเล
ประธานชุมชนบ้านศาลาดอน ทั้งนี้ สืบเนื่องจากชาวบ้านตรวจสอบพบว่าเงินฌาปนกิจหมู่บ้านหายไปจากบัญชีโดยไม่มีการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้ชาวบ้านทราบ
และการกระทำโดยมิชอบอีกหลายเรื่องของประธานชุมชน ซึ่งนายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์
รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และนายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำปาง
เป็นตัวแทนของผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
เชิญชาวบ้านเข้าประชุมชี้แจงรายละเอียดร่วมกับเทศบาลเมืองเขลางค์นคร
ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ที่ห้องประชุมเขลางค์นคร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดลำปาง
โดยนายสถิตย์
ขจรไชยเดช อดีตประธานชุมชนบ้านศาลาดอน ได้ชี้แจงว่า
ชาวบ้านศาลาดอนทั่วทุกหลังคาเรือน ได้ประชุมเมื่อวันที่ 19 ก.พ.
ที่ผ่านมา และสมาชิกได้สอบถามขอทราบว่าเงินสมาชิกฌาปนกิจหมู่บ้านมีจำนวนเท่าไร
และขอดูสมุดเงินฝากธนาคารว่ามีเงินฝากจำนวนเท่าใด ปรากฏว่า นายสง่า พุทธิมาเล
ไม่ให้ชาวบ้านดู และท้าให้ชาวบ้านไปดูเงินที่ฝากไว้ที่ธนาคาร
ซึ่งในที่ประชุมหมู่บ้าน นายสง่า ชี้แจงว่ามีเงินอยู่ในบัญชี จำนวน 160,000
บาท ครบ โดยหลังจากยกเลิกประชุมแล้ว
ฝ่ายการเงินของชุมชนเอาสมุดเงินฝากมาให้ดู ปรากฏว่ามีเงินแค่ 73,939.62 บาท
โดยไม่จัดทำรายการหรือถ่ายเอกสาร รายรับ-รายจ่าย ให้ชาวบ้านดู
และชาวบ้านมีข้อสงสัยอีกว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ย.58 ได้รับมอบเงินจากคณะกรรมการชุมชนชุดเก่า จำนวน 135,543.30 บาท แต่ได้ฝากเงินเข้าบัญชีแค่ 105,740 บาท
เงินส่วนที่เหลือ จำนวน 29,803.30 บาท ขาดไป ทำไมไม่นำเข้าบัญชีเงินฝากให้ครบตามที่ได้ส่งมอบจากประธานชุมชนคนเก่า
และเรื่องการใช้จ่ายเงินกองกลางของวัดจากยอดเต็ม จำนวน 882,979 บาท รายการที่ใช้ จำนวน 820,942 บาท คงเหลือ 62,037
บาท โดยไม่ผ่านมติจากชาวบ้าน
และชาวบ้านได้ลงชื่อขับไล่ต่อศูนย์ดำรงธรรมแล้ว ขณะนี้ยังไม่ได้รับการชี้แจงคำตอบ
ทางด้านนายธาราเงิน
จันทร์คำ รองนายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร กล่าวว่า ทางเทศบาลเมืองเขลางค์นคร
ได้รับทราบข้อร้องเรียนของชาวบ้านทั้งหมดแล้ว
โดยขณะนี้ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงแล้ว
โดยจะสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อนที่จะมีสิทธิ์ถอดถอนตามข้อร้องเรียนของชาวบ้านได้
โดยการดำเนินการต่างๆ ต้องใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 3 สัปดาห์
ซึ่งจะได้ผลสรุปทั้งหมด
โดยกลุ่มชาวบ้านต่างมีความพึงพอใจและสลายตัวไปในที่สุดโดยไม่เกิดเหตุร้ายแรงใดๆ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น